เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ส.ค.ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “พลิกฟื้นประเทศไทย : ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง” ในงานครบรอบ 74 ปี หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ตอนหนึ่งว่า สื่อมวลชนถือเป็นปาก ตา และหูแทนประชาชน ซึ่งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ สื่อมวลชนก็ทำหน้าที่เสนอข่าว ซึ่งถือเป็นการเปิดประเทศไทยไปสู่สายตาโลก วันนี้มีสื่อออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ดี เราต้องยึดมั่นสิ่งที่เป็นจริง ความน่าเชื่อถือในการเสนอความจริง
วันนี้มีหลายอย่างที่เราต้องพลิกฟื้นประเทศ การที่มีสื่อมวลชนที่มีคุณภาพถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่มีความจำเป็น เพราะการสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเป็นธรรมจะมีส่วนอย่างมากต่อการตัดสินใจในการดำรงชีวิตของประชาชน รวมทั้งการดำเนินการด้านธุรกิจ การสร้างการรับรู้ข้อเท็จจริงอย่างกว้างขวาง การให้ความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา สร้างสรรค์ จะสะท้อนความต้องการของประชาชน ช่วยสร้างความเข้าใจ บรรเทาความขัดแย้ง ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สิ่งเหล่านี้ทุกคนต้องการมากที่สุดในขณะนี้ ในเวลาที่เรากำลังมีปัญหาจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพลิกฟื้นในประเทศในช่วงที่ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากวิกฤติในปัจจุบัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อีกมิติหนึ่งที่สำคัญคือพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งทุกคนทราบดีว่าจำเป็นต้องดูแลให้เกิดความต่อเนื่อง เพราะเป็นปัญหาระยะยาวที่เราร่วมกันเผชิญหน้ามาโดยตลอด หลายรัฐบาล หลายสิบปี ที่ยังมีความเหลื่อมล้ำในเรื่องของอาชีพและรายได้ สิ่งเหล่านี้เราต้องช่วยกันทะนุบำรุงให้แข็งแกร่ง ทั้งการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก เพื่อเป็นพื้นฐานที่ดีในการพลิกฟื้นประเทศไปสู่ความมั่นคงให้ได้โดยเร็ว
“ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่งนายกฯเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2557 จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ อัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจในปี 2557 อยู่ที่เพียงร้อยละ 1.0 เพราะมีปัญหาความขัดแย้ง ความไม่มีเสถียรภาพ แต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นร้อยละ 3.1 และร้อยละ 3.4 ในปี 2558 และ 2559 จากนั้นก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อถึงปี 2563 ประเทศไทยเผชิญปัญหาสำคัญ ทั้งเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภายในประเทศ ที่ต้องเผชิญวิกฤตการณ์
ทั้งการค้า การลงทุนต่างประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งความรุนแรงยังเกิดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในต่างประเทศยังมีการแพร่ระบาดจำนวนมาก วันนี้สถานการณ์ยังประมาทไม่ได้เลย เพราะยังมีการขยายขอบเขตไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว แต่เราต้องไม่ตื่นตระหนก ต้องอาศัยความร่วมมือ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด แต่เมื่อรัฐบาลออกมาตรการต่างๆ ออกมามีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่เราต้องทำคนส่วนใหญ่และคนทั้งหมดปลอดภัย และต้องช่วยกันความเข้าใจ ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้น”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าสถานการณ์เศรษฐกิจอยู่ในช่วงถดถอยทั้งโลก ประเทศไทยที่ว่าแย่ แต่ก็ยังมีหลายประเทศที่แย่มากกว่า ดังนั้น จึงขออย่าท้อแท้ เราต้องทำให้ดีและฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ ทุกคนต้องอดทนบ้าง และคาดว่าจากปีนี้จนถึงปีหน้าและปีต่อไปอีก 2 หรือ 3 ปี กว่าจะทุกอย่างจะกลับมาฟื้นฟูเข้มแข็งได้ จึงต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหา
ซึ่งความร่วมมือและความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ ลดความขัดแย้งในหลายๆ ประเด็น สร้างความมีเสถียรภาพเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งภายในและภายนอกประเทศ วิกฤตครั้งแตกต่างจากครั้งที่ผ่านๆ มา อะไรที่เกิดขึ้นแล้วสามารถแก้ไขได้ ก็ต้องทำที่ไม่เกี่ยวกับความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้ง อะไรก็ตาม แต่เราก็เดินมาถึงวันนี้ได้ โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนตนจะเข้ามารับหน้าที่นายกฯ
“เราจะกลับไปสู่ที่เก่ากันหรือ ผมคิดว่ามันยังไม่ใช่ และยังไม่ถึงเวลานี้ แต่ทั้งหมดก็สุดแล้วแต่พวกท่าน เพราะพวกท่านคือผู้ที่จะตัดสินอนาคตประเทศไทย ผมเองก็ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารของผมให้ดีที่สุด”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมีเสถียรภาพเรื่องการเงินการคลัง ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัด ทั้งในส่วนของกองทุนสำรองระหว่างประเทศ มีผลทำให้เรามีดอลล่าเข้ามาใช้จ่ายในประเทศจำนวนมาก ทำให้เกิดดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล สิ่งเหล่านี้จะทำให้ค่าเงินของเราแข็งพอสมควร แต่เราก็จำเป็นต้องมีมาตรการที่ระมัดระวัง
ทั้งมาตรการการเงินสมัยใหม่ ที่ต้องเสริมเข้ามา นอกจากนี้ วันนี้เราได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี อีกทั้งประเทศไทยก็มีความพร้อม ขอเพียงอย่างเดียวประเทศเราจะต้องมีเสถียรภาพ อย่าให้มีความวุ่นวาย ไม่เช่นนั้นนักธุรกิจและนักลงทุนจะรู้สึกไม่ปลอดภัยในการที่จะมาลงทุน ไม่เกิดความเชื่อมั่น ทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกัน
©2018 CK News. All rights reserved.