การหารือระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง พรรคการเมืองและสื่อมวลชน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ จะเป็นการหารือ เพื่อกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไป กำหนดหลักเกณฑ์การจัดทำการกำหนดสถานที่และปิดหรือติดประกาศการโฆษณา และแผ่นป้ายโฆษณาการเลือกตั้ง ตามมาตรา 83 การกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยมีพรรคการเมือง ทั้งพรรคใหญ่ พรรคเล็กเข้าร่วมประชุมจำนวนมาก

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคน จำนวนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ 1,500,000 บาทต่อคน ศูนย์การดูแลการจัดการเลือกตั้ง กกต. ก็ควรจะทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องการเลือกตั้งก่อนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น และระหว่างการเลือกตั้งก็จะต้องดูแลจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยบริสุทธิ์ยุติธรรม

ด้านนายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ตั้งคำถามว่า ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะสามารถติดป้ายหาเสียงได้หรือไม่ หรือติดป้ายได้เฉพาะผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเท่านั้น ถ้าไ่ม่ครอบคลุมบัญชีรายชื่อการประชาสัมพันธ์จะทำอย่างไร ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าการหาเสียงเป็นเสรีภาพของนักการเมืองและการหาเสียงสมัยใหม่ไม่ใช่แค่ติดป้ายหาเสียงเท่านั้น แต่ยังมีโซเชียล ยอมรับกังวลหลัง กกต.ส่งหนังสือให้แต่ละพรรค โดยระบุว่า หลังมีพระราชกฤฎีกาเลือกตั้ง ห้ามพรรคการเมืองซื้อโฆษณาทางโซเชียลทีเดีย ซึ่งน่าแปลกใจที่อนุญาตให้ซื้อสื่อฯ อื่นได้ เพราะเห็นว่าโซเชียลมีเดียราคาถูกกว่า จึงน่าจะสนับสนุนมากกว่าห้ามซื้อโฆษณา
ส่วนที่ระเบียบ กกต. ห้ามนำรูปถ่ายผู้อื่นในป้ายหาเสียง จะส่งผลให้ฟ้องร้องหรือไม่ ส่วนตัวมองว่า ไม่ควรสนใจรายละเอียดเรื่องนี้มากนัก เพราะเชื่อว่าทุกคนก็ทราบดีว่าแต่ละพรรคมีใครบ้างที่ผู้สมัครที่ตนเองชอบ