วันที่ 29 เม.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรยางานว่า ที่กองปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความและประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วย นายอ้วน (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี บิดา ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) วัย 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อำนาจเจริญ ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม หลังลูกสาวถูกนายต้น ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติ อายุ 24 ปี ข่มขืนภายในบ้านพัก จากนั้นถูกตำรวจจับกุมเพียง 1 วัน และได้รับประกันตัวออกมา
นายอ้วน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ปี 2562 ลูกสาวตนได้ไปอาศัยอยู่กับครอบครัวของพี่สาวของตนเอง ในพื้นที่จ.อำนาจเจริญ ส่วนตนทำงานเป็น รปภ. ในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง จ.นนทบุรี จึงฝากพี่สาวช่วยดูแลลูกและฝากเรียนหนังสือชั้นม.2 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.อำนาจเจริญ ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ผ่านมาลูกสาวได้โทรศัพท์มาบอกว่าถูกนายต้น ซึ่งเป็นลูกของพี่สาวข่มขืนมาตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 62 แต่ไม่สามารถโทรศัพท์มาบอกกับตนได้ เนื่องจากถูกครอบครัวของผู้ก่อเหตุจับตามองและตลอดเวลา
นายอ้วน กล่าวต่อว่า หลังตนทราบเรื่องจึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ให้พาลูกไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ก่อนมีการออกหมายจับดำเนินคดีผู้ก่อเหตุแล้วถูกคุมขังเพียงวันเดียวก็ได้รับการประกันตัวออกมา
นายอ้วน กล่าวต่ออีกว่า ภายหลังนายต้นได้รับประกันตัวก็ออกมาใช้ชีวิตตามปกติอยู่ที่บ้านร่วมกับลูกสาวของตน เมื่อตนสอบถามนายต้นก็อ้างว่าไม่ได้ทำ แต่ตนรู้มาว่าหลังเกิดเหตุมีญาติคนหนึ่งได้ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้ลูกสาวกิน แล้วจะมาปฏิเสธว่าไม่มีเรื่องเกินขึ้นได้อย่างไร อีกทั้งนายต้นก็ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และยังติดยาเสพติดอีกด้วย หลังเกิดเรื่องตนก็เอาลูกสาวมาอยู่ด้วยที่ จ.นนทบุรี แล้ว
“หลังเกิดเหตุตนก็ได้ติดต่อไปยัง ผกก. สภ.หัวสะพาน เพื่อขอดูสำนวนคดี และบันทึกการแจ้งความ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เอกสารและข้อมูลใดๆทั้งสิ้น โดยอ้างว่าติดงานเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 อยู่ และบอกว่าตอนนี้ไม่ใช่มีคดีของลูกสาวตนแค่คดีเดียว เมื่อฟังแล้วหัวอกคนเป็นพ่อรู้สึกเสียใจมาก ซึ่งตอนนี้รู้สึกอยากจะฆ่านายต้นและพี่สาวไปพร้อมกัน แต่กลัวว่าไม่รู้ลูกจะไปอยู่ที่ไหนกับใคร” นายอ้วน กล่าว
ด้าน ทนายรณรงค์ กล่าวว่า สำหรับความผิดในคดีนี้ เฉพาะการข่มขืนมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี ยังไม่นับเรื่องคดีพรากผู้เยาว์ แต่ต้องตรวจสอบว่ามีความผิดอย่างไรบ้าง ซึ่งเกิดเหคุผู้เสียหายก็หนีออกมาอยู่กับพ่อ ทางเจ้าหน้าที่ต้องมีวิธีการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ จึงต้องการให้ทางตำรวจ บก.ปคม.ลงพื้นที่ตรวจสอบสำนวนการทำคดีของท้องที่ว่าได้ให้เป็นธรรมตามผู้ร้องเรียนหรือไม่
©2018 CK News. All rights reserved.