วันที่ 28 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นแตะ 3 ล้านรายแล้ว โดยสหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่มีผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 1 ล้านราย หลังการแพร่ระบาดผ่านมานานถึง 4 เดือน ติดเชื้อเพิ่มสูงกว่า 2 หมื่นรายในวันเดียวมานานกว่า 1 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม โดยเคยติดเชื้อเพิ่มสูงสุดเกือบ 3.9 หมื่นรายในวันเดียวเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา รักษาหายแล้วกว่า 9.2 แสนราย เสียชีวิตแล้วทะลุ 2.11 แสนราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 6.9% มีผู้ป่วยที่อยู่ในอาการโคม่าหรือน่าเป็นห่วงราว 5.6 หมื่นรายทั่วโลก

ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่แล้วอย่างน้อยใน 178 ประเทศ โดยชาติที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ สหรัฐอเมริกา 1,010,123 ราย สเปน 229,422 ราย อิตาลี 199,414 ราย ฝรั่งเศส 165,842 ราย และเยอรมนี 158,758 ราย ซึ่งพบผู้ติดเชื้อในจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็นเพียง 2.7% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดทั่วโลก

สหรัฐฯ มีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตมากที่สุดถึง 56,796 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1,383 รายในวันเดียว หลังตรวจหาการติดเชื้อไปแล้วเกือบ 5.7 ล้านรายทั่วประเทศ ตามมาด้วยอิตาลี 26,977 ราย สเปน 23,521 ราย และฝรั่งเศส 23,293 ราย

 

โดยผู้ติดเชื้อเกือบ 1 ใน 3 ของสหรัฐฯ อยู่ในรัฐนิวยอร์ก อีกทั้งยังเป็นรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตมากที่สุดของประเทศ ขณะที่ย่านอาเซียน สิงคโปร์ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใกล้แตะ 1.5 หมื่นรายแล้ว หลังตรวจพบคลัสเตอร์หอพักแรงงานต่างชาติในประเทศ ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 9,096 ราย และฟิลิปปินส์ 7,777 ราย