ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง นายเอกภาพ พลซื่อ กรรมการยุทธศาสตร์ภาคอีสาน นายภิรมย์ พลวิเศษ กรรมการยุทธศาสตร์และเลขานุการ พร้อมคณะลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ ที่ห้องประชุมโรงแรมชาลองบูทิค อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นเวลา 13.30 น.ลงพื้นพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ ทั้ง 5 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 นายฉลอง ฆารเลิศ เขต 2 นายชานุวัฒน์ วรามิตร เขต 3 นายจำลอง ภูนวนทา เขต 4 ดร.สิทธิศักดิ์ พัฒนชัย และเขต 5 นายนิพนธ์ ศรีธเรศ โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และสมาชิกพรรค รวมทั้งประชาชนให้ความสนเข้าร่วมกว่า 2,000 คน.
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐมั่นใจและตั้งเป้าเก้าอี้ ส.ส.กาฬสินธุ์อย่างน้อย 3 เขตเลือกตั้ง แต่จากการลงพื้นที่พบว่าพรรคพลังประชารัฐได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนดีมาก เพราะชื่นชมผลงานของรัฐบาลที่ทำสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็จะนำนโยบายที่ดีๆมาต่อยอด รวมทั้งตัวว่าที่ผู้สมัครทุกคนที่ล้วนแล้วแต่มีศักยภาพและมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน จึงทำให้มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้รับความไว้วางใจพี่น้องประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ครบทั้ง 5 เขตยกจังหวัด
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ยังพบว่าพี่น้องประชาชนในภาคอีสานยังมีความพอใจในเรื่องของราคาข้าว ซึ่ง รัฐบาลทำให้ราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นถึงตันละ 18,000 บาท และเรื่องของบัตรประชารัฐที่ช่วยเรื่องของ การแบ่งเบาภาระ ของพี่น้องประชาชน ในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอยากมาก ประกอบกับปัจจุบันพี่น้องประชาชนทางภาคอีสานเรียกร้อง ต้องการให้เปลี่ยนที่ดินสปก.ให้เป็นโฉนด อย่างถูกต้องซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะนำไปเป็นนโยบาย และหากได้เข้าเป็นรัฐบาลจะต้องทำเรื่องนี้ให้ได้ภายในระยะเวลา3ปี สำหรับพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์นั้นเป็นพื้นที่จังหวัดที่มีวัฒนธรรมดีงาม มีพืชผลทางการเกษตรหลากหลายและมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมายซึ่งทางพรรคมีนโยบายที่จะเชื่อมโยงให้จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว ส่วนพืชผลทางการเกษตร ทางพรรคก็จะมีการส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรมีรายได้ อย่างมั่นคงและยังยืนต่อไป
สำหรับกระแสการโจมตีพรรคพลังประชารัฐที่บอกว่าจะสืบทอดระบอบเผด็จการนั้นถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสี เพราะจริงๆแล้วระบอบประชาธิปไตยนั้น ทุกคนมีความรักและหวงแหน ซึ่งต้องมองย้อนหลังกลับไปว่าพรรคการเมืองใด ที่เป็นต้นเหตุทำให้ระบบประชาธิปไตยพังทลายไป เพราะคิดว่าตัวเองเป็นพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงมากในสภาคิดว่าจะสามารถทำอะไรก็ได้จนทำให้มีการต่อสู้กันในสภาประชาชน แบ่งแยกเป็นสองสี จนทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก เสียหายให้กับประเทศอย่างมากจนทำให้พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ต้องออกมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองจนทำให้บ้านเมืองสงบสุข ซึ่งบ้านเมืองเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยแล้ว จะมีการคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยจะจัดให้มีการเลือกตั้งซึ่งจะมาบอกว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ ได้อย่างไร นอกจากนี้รัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาได้ทำผลงานที่สามารถจับต้องได้ และอยากจะมาทำงานต่อทางพลังประชารัฐ ก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่เพียงแต่ขณะนี้ท่านเองยังไม่ตอบรับว่าจะทำการเมืองต่อหรือไม่ แต่พรรคพลังประชารัฐอยากจะให้พลเอกประยุทธ์ทำงานต่อไป
ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าพรรคพลังประชารัฐอยู่เบื้องหลังการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะจริงๆแล้วหากตนสามารถกำหนดได้ผมอยากให้มีการเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้เลย เพราะเราชื่อมั่นในสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่และพรรคพลังประชารัฐเองก็มีนโยบายที่พร้อมทุกอย่าง รวมทั้งตัวผู้สมัครเองก็พร้อมทุกเขตแล้วและมีศักยภาพพร้อมเลือกตั้ง ซึ่ง หากมีผู้มาสมัครก็ทำได้เพียงแต่เป็นสมาชิกเท่านั้นไม่ได้เป็นผู้สมัครเพราะผู้สมัครรับการเลือกตั้งเต็มหมดทุกเขตแล้ว
©2018 CK News. All rights reserved.