วันที่ 2 ม.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกำหนดวันเลือกตั้ง ว่าต้องเป็นไปตามเงื่อนไข กฎหมายอยู่แล้ว โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นภายใน 150 วัน หลังจาก พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. บังคับใช้เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งจะต้องมีขึ้นก่อนเดือนพฤษภาคม ซึ่งขณะนี้ที่รอกันอยู่ก็คือการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง เมื่อบังคับใช้แล้วทาง กกต. จะต้องกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 5 วัน โดยให้กำหนดวันเลือกตั้งภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ประกาศพระราชกฤษฎีกา หากมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาวันนี้ การเลือกตั้งจะเกิดได้ช้าที่สุดช่วงต้นเดือนมีนาคม ส่วนปัจจัยเกี่ยวกับพระราชพิธีสำคัญ มั่นใจว่ารัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ในขณะนั้นก็จะทำงานอย่างเต็มที่ และผสมนิกรชาวไทยก็คงจะรวมใจกันให้พระราชพิธีเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติ ราบรื่น
สิ่งที่พรรคการเมืองต้องดำเนินการหลังจากมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้พรรคการเมืองสามารถเตรียมการได้ระดับหนึ่ง แต่เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาลงมา ก็จะมีกติกาเพิ่มเติมขึ้นมาเช่นการหาเสียงหรือการทำอะไรที่มีผลต่อคะแนนเสียง จะถูกนับเป็นค่าใช้จ่าย และต้องไม่เกินตามจำนวนที่ กกต. กำหนด และความชัดเจนเกี่ยวกับวันเลือกตั้งกับวันสมัครรับเลือกตั้งก็จะตามมาภายใน 5 วัน ส่วนการเตรียมความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็มีการกำชับสมาชิกและผู้สมัครทุกคนว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
สำหรับการคัดเลือกผู้สมัครที่ยังมีหลายเขตไม่ลงตัว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กระบวนการยังเดินหน้าไปตามปกติ ในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปก็มีการประกาศรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกรอบเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งวันที่ 6 มกราคม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรียบร้อยทั้งหมด
ส่วนกรณีที่รองหัวหน้าพรรคซึ่งดูแลภาคใต้ ระบุว่าเตรียมหาผู้สมัครรับเลือกตั้งลงแทนนายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.จังหวัดชุมพรนั้น นายอภิสิทธิ์บอกว่า ยังไม่ถือว่าเป็นข้อยุติ เพราะคณะกรรมการบริหาาพรรคยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบ เนื่องจากข่าวสารที่ปรากฏในพื้นที่ยังมีความสับสนอยู่ ขณะนี้ต้องการให้นายชุมพลเข้ามาคุยกับพรรคว่าจะสร้างความมั่นใจได้อย่างไร หากสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคแล้วคะแนนเสียงในชุมพรทุกเขตเลือกตั้ง ทุกคนจะต้องมาช่วยกันสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ให้มากที่สุด
นายอภิสิทธิ์ย้ำด้วยว่าขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลที่จะพูดถึงการจับมือตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ยืนยันว่าแนวทางใหญ่ๆตอนนี้มี 3 แนวทางคือแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ แนวทางของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน และแนวทางของพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องแข่งขันกันเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือก แล้วหลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์บอกแล้วว่า จะเป็นรัฐบาลก็ต่อเมื่อคนที่มาจับมือจัดตั้งรัฐบาลสามารถร่วมอุดมการณ์ด้วยกันได้ หากร่วมอุดมการณ์กันไม่ได้แล้วทำงานด้วยกัน เกิดการทุจริตคอรัปชั่น บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว พรรคประชาธิปัตย์ก็คงไม่เห็นประโยชน์ที่จะจัดตั้งรัฐบาลในสถานการณ์เช่นนั้น จึงขอกับพี่น้องประชาชนให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก เพื่อนำพาบ้านเมืองไปข้างหน้า จึงไม่มีความจำเป็นจะไปคิดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ
สำหรับความมั่นใจของพรรคเพื่อไทยที่จะได้จำนวนที่นั่งมากกว่า 220 เสียง และสนับสนุนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์บอกว่า คงไม่ไปก้าวล่วงในเรื่องนี้ เพราะแต่ละพรรคการเมืองมีระบบไม่เหมือนกัน แต่ที่ตนเองเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ก็เพราะสมาชิกเลือก จึงมีความชัดเจน เป็นไปตามมาตรฐานสากลว่าหัวหน้าพรรคมาจากการคัดเลือกของสมาชิก และหัวหน้าพรรคเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้การเมืองไทยมีมาตรฐานเหมือนประเทศอื่น
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและเป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งว่า ต้องดูที่พฤติกรรม ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ในอดีตช่วงที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อมีคนจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ก็จะให้ออกจากตำแหน่ง เพราะเป็นหลักการเรื่องธรรมาภิบาล
นายอภิสิทธิ์ ยังหวังว่าจะไม่มีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในช่วงการเลือกตั้ง เพราะไม่มีความจำเป็นในการใช้อำนาจพิเศษ โดยเฉพาะกระบวนการที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อส่วนรวม บั่นทอนความเชื่อมั่นความเชื่อถือของการเลือกตั้ง
คลิป
©2018 CK News. All rights reserved.