เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ธ.ค. 62 ที่ห้องประชุมโรงแรมนานาบุรี อ.เมือง จ.ชุมพร นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำ กปปส. ได้แถลงเปิดใจหลังถูกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กดดันจะไม่ให้ลงสมัคร ส.ส.เขต 1 ชุมพร จากกรณีความขัดแย้งเลือกหัวหน้าพรรคที่ผ่านมา เนื่องจากนายชุมพลเป็นแกนนำ กปปส.ที่มีความสนิทกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่หนุน นายแทพย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ลงชิงหัวหน้าพรรคกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมี นายวิชัย สุดสวาท ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 นายกฤษฎ์ แก้วรักษ์ ประธานชมรมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ชุมพร นายศรีชัย วีรนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร พร้อมแกนนำและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กว่า 1,000 คน นำพวงมาลัยและดอกกุหลาบแดงมาร่วมให้กำลังใจอย่างล้นหลามจนแน่นห้องประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่ นายชุมพล จุลใส “ลูกหมี” จะเปิดใจต่อกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นได้มีประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 ชุมพร ประธานชมรมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ชุมพร และสมาชิกพรรค ขึ้นกล่าวกับผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ และมีความลำเอียง ใช้อำนาจพรรค 2 มาตรฐาน ไม่ให้ นายชุมพล หรือ ลูกหมี ลงสมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พวกเราทุกคนก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน “ลูกหมี” ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม และพร้อมที่จะสอนบทเรียนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ที่ว่า “ภาคใต้ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ” และพวกเราจะชู “ลูกหมี” เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้งภาคใต้ในครั้งนี้ด้วย
ด้านนายชุมพล จุลใส “ลูกหมี” เปิดใจว่าตนอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์และยึดมั่นในอุดมการณ์พรรคไม่เคยคิดจะลาออก แม้ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะมาชวนตนไปอยู่กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย ตนก็ไม่ไปซึ่ง นายสุเทพ ก็เข้าใจและเคารพในการตัดสินใจของตน แต่ปรากฏว่า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ซึ่งดูแลผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ ได้เรียกตนเข้าพบและบอกว่าตนนั้นมีเรื่องร้องเรียนหลายเรื่องและไม่มีความชัดเจนและขอให้ตนไปเจรจากับ นายสุพล จุลใส หรือ “ลูกช้าง” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชุมพร ซึ่งเป็นพี่ชายตนที่ลงสมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชาชาติไทย เพื่อไม่ให้ลงสมัครในครั้งนี้ มิฉะนั้นกรรมการบริหารพรรคจะไม่ให้ตนลงสมัคร ส.ส.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.ชุมพร โดยกำหนดให้ตนต้องมีคำตอบภายในวันที่ 2 มกราคม 2562 นี้ ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับตน เพราะตนไม่สามารถไปบังคับพี่ชายตนได้ ซึ่งเขามีครอบครัวและอยู่กันคนละบ้านกันตน เป็นสิทธิของเขาที่ตนไม่สามารถห้ามหรือบังคับได้
นายชุมพล กล่าวว่า ส่วนเหตุผลลึกๆ จะมาจากสาเหตุใดนั้นตนไม่ขอกล่าวถึง แต่ตนขอยกตัวอย่างว่า มีผู้สมัคร ส.ส.หลายจังหวัดที่เป็นสามีภรรยากัน เป็นพี่น้องกันลงสมัคร ส.ส.สังกัดคนละพรรคก็มีให้เห็นกันอยู่ เพราะเป็นสิทธิของแต่ละคนที่ต้องเคารพการตัดสินใจกัน หรือแม้แต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อยู่คนละขั้วพรรคการเมืองที่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงก็ยังอยู่กันได้ แล้วทำไมกับตน จึงต้องมากดดันกันด้วย ตนขอบอกกับผู้สนับสนุนทุกคนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากตนได้รับคำตอบในวันที่ 2 มกราคม ไปแล้ว ตนก็จะไม่ขอลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน และขอให้ทุกคนอย่างด่าอย่าทำอะไรให้พรรคประชาธิปัตย์เสียหาย ส่วนใครจะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไรก็ถือเป็นสิทธิ์ของทุกคนที่ตนให้ความเคารพ ส่วนตนจะได้เป็น ส.ส.หรือไม่เป็นนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์นั้นสำคัญกว่าใครจะมาบังคับเราไม่ได้
©2018 CK News. All rights reserved.