ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เกิดศึกแย่งชิงมรดกพันล้านของกิจการก๋วยเตี๋ยวอันเจริญ ธุรกิจก๋วยเตี๋ยวชื่อดังแห่งเมืองพะเยา ที่ยืนหยัดมานานกว่า 70 ปี หลังน้องๆทั้ง 5 ราย ขอให้พี่คนโต ทำการแบ่งทรัพย์สินให้น้องๆเป็นสัดส่วน หลังที่ร่วมแรงร่วมมือกันทำกิจกรรมและสร้างเศรษฐกิจจนถือว่าเป็นธุรกิจชั้นถึง แนวหน้าของพะเยา แต่เกิดบ่ายเบี่ยงจนน้องๆที่มีอายุต่ำสุดถึง 70 ปี แล้วไม่มีสินทรัพย์ในการต่อยอดให้ลูกหลานและเกิดการทวงถามก็จะบ่ายเบี่ยงเป็นเวลานานกว่า 20 ปีแล้ว จนล่าสุดบุกทวงถามแต่ก็ได้รับการปฎิเสธ
กลุ่มน้องๆจำนวน 5 คน ของตระกูล สกุลเจียมใจ เจ้าของธุรกิจชื่อดังก๋วยเตี๋ยวอันเจริญ ต้องเข้าทำการนำหลักฐานจำนวนมากเข้าทำการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา เพื่อให้ทำการช่วยเหลือไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เรื่องการจัดการมรดกของตระกูลอันเจริญ หลังถูกพี่ชายคนโตฮุบสมบัติเองคนเดียว จนไม่ยอมแบ่งปันให้น้องๆทั้ง 5 คน ทั้งๆที่เคยรวมตัวเข้าทวงถาม หลายครั้งแต่ก็ได้รับการปฎิเสธ บ่ายเบื่องมาตลอด และรับปากว่าจะแบ่งให้แต่ก็ไม่แบ่งให้จนน้องๆซึ่งมีอายุต่ำสุดกว่า 70 ปี ซึ่งมีลูกมีหลาน ก็ไม่สามารถขยายต่อธุรกิจได้แต่อย่างไดเนื่องจากสินทรัพย์ทั้งหมดเป็นชื่อที่พี่ชายครอบครองหมด ทั้งที่กลุ่มน้องๆทุกคนต่างช่วยกันทำมาหากินและฝากไว้กับกงสี ซึ่งมีพี่ชายดูและรับผิดชอบเนื่องจากมีความไว้วางใจ แต่ถึงระยะนี้น้องๆจะเรียกร้องขอให้มีการแบ่งมรดกดังกล่าวแต่กลับบ่ายเบี่ยงและเดินหนีไม่ยอมพูดคุย จนตนเองและพี่น้องทั้ง 5 คนต้องเข้าร้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากพบหลักฐานบางอย่างที่พี่ชายคนโต ได้มีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อทำธุรกรรมอำพรางหลายรายการ
โดยนายวิษณุ สกุลเจียมใจ เล่าว่า แต่เดิมนั้นธุรกิจก๋วยเตี๋ยวอันเจริญได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อ 70 ปีที่ผ่านมา โดยพี่น้องทุกคนได้ร่วมมือกันที่สร้างร้านก๋วยเตี๋ยว จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจังหวัดพะเยา รวมทั้งทั่วประเทศเป็นที่รู้จักกัน ซึ่งก๋วยเตี๋ยวอันเจริญนั้น จะมีการทำแบบครบวงจร โดยพี่น้องแต่ละคนก็ช่วยกันทำมาหากินจนประสบผลสำเร็จ และมีรายได้ที่มั่นคงซึ่งรายได้ทั้งหมดนั้นก็จะรวมกันโดยใช้ลักษณะเป็นกงสีซึ่งให้พี่ชายคนโตที่ทุกคนไว้วางใจ เป็นผู้ทำนิติกรรมต่างๆเนื่องจากนับถือเสมือนพ่อซึ่งสามารถสร้างธุรกิจได้นับ 1000 ล้านบาทแต่ต่อมาพี่ชายคนโตได้ทำการแต่งงานและมีลูกหลานกลับพบว่ามีนิสัยเปลี่ยนไปด้วยไม่ยอม แบ่งทรัพย์สินให้กับน้องน้องตามที่ตกลงกันไว้และได้มีการทวงถามมาตลอดแต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงจนน้องน้องซึ่งขณะนี้อายุต่ำสุดก็ 70 ปีแล้วซึ่งไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลยที่จะทำการต่อยอดในการทำธุรกิจอื่นๆและในวันนี้ได้เข้าทวงถามก็ได้รับการปฏิเสธเช่นเคย จนทำให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันจึงได้เข้าทำการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการไกลเกลี่ยกรณีดังกล่าวเนื่องจากพบว่าพี่ชายคนโตได้นำเอกสารที่สอบไปในทางทุจริตหรือโดยการ มีการปลอมแปลงเอกสารและมีการโอนที่ดินบางส่วนที่เป็นทรัพย์สมบัติของตระกูลไปจำหน่ายจึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการไกลเกลี่ยให้ดำเนินการตกลงกันในการแบ่งสมบัติในครั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันน้องๆทั้ง 5 คนไม่มีทรัพย์สิน ใดใดเลยเพราะเอกสารสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของพี่ชายคนโตแต่เพียงผู้เดียว
©2018 CK News. All rights reserved.