จากกรณีมีผู้ใช้เฟสบุ้ค ชื่อว่า "ดอน ครับผม" ได้โพสต์เรียกร้องขอความเป็นธรรม ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.62 เรื่องที่ภรรยาวัย 27 ปี ได้ไปทวงเงินค่าจ้างกรีดยางจากเจ้าของสวน แต่กลับถูกรุมทำร้ายจนหน้าตาบวมต่อหน้าลูกวัย 3 ปี จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในสื่อโซเชียล และมีการแชร์ต่อๆกันไปเป็นจำนวนมาก

 

ล่าสุดวันนี้ 28 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงาน บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระนอง นำโดย  นางปราณี นางปราณี เรืองพุทธ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ระนอง หน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ลงพื้นที่ร่วมกับ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ระนอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะเปอร์ ที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 3 ต.บางหิน อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือ และสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จากนางสาวสุภาวดี ดิษฐรักษ์ อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย พร้อมกับ นายวสันต์ ดำพัฒน์ อายุ 37 ปี สามี (ผู้ที่โพสต์เรื่องดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก) 

 

นางสาวสุภาวดี ดิษฐรักษ์ อายุ 27 ปี ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเองกับสามีได้ตกลงทำงานกรีดยางกับ นางจิราภรณ์ เขียวบุญจันทร์ อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นญาติกับสามี โดยตกลงกันว่าจะให้ค่าแรงจากการกรีดยาง โดยแบ่งกัน 50/50 ซึ่งรอบก่อนๆ นางจิราภรณ์ ได้หักกับเงินส่วนที่ตนและสามีที่เรื่องค่ารถ ซึ่งตนได้จดบันทึกเก็บไว้ทุกครั้ง จนปัจจุบันเงินส่วนที่ค้างได้หมดไปแล้ว

 

จนรอบล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พ.ค.62 ตนได้กรีดยางตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายปกติ และเป็นวันที่ต้องนำยางที่กรีดได้ไปขาย โดยจากการขายยางรอบนี้ ได้เงินมา 13,019 บาท จนช่วงค่ำ แฟนของนางจิราภรณ์ ได้นำเงินมาให้ตนเพียง 3,000 บาท จากนั้นตนจึงได้ไปที่บ้านของนางจิราภรณ์ พร้อมกับพาลูกชายคนเล็ก วัย 3 ขวบ เพื่อทวงถามว่าทำไมถึงจ่ายเงินให้ตนแค่เพียงเท่านี้ ทั้งที่จริงๆต้องแบ่งครึ่งกันแล้วต้องจ่ายประมาณ 6,500 บาท เมื่อไปถึงบ้านได้เจอ นายเยื้อน เขียวบุญจันทร์ อายุ 90 กว่าปี นั่งกินเหล้ากับลูกเขยอยู่หน้าบ้าน

 

 

พอตนถามหานางจิราภรณ์เพื่อทวงถามถึงเรื่องเงินส่วนแบ่งจนมีปากเสียงกัน นายเยื้อนได้ขว้างแก้วใส่ตน และเอาไม้จะเข้ามาตี ตนจึงใช้มือป้องกันไว้ จากนั้น นางจิราภรณ์ และ นางนงลักษณ์ เขียวบุญจันทร์ ได้เข้ามาดึงผมและตบแบบไม่ยั้ง ต่อหน้าลูกชายคนเล็ก จนลูกชายคนเล็กร้องไห้ที่เห็นตนถูกทำร้าย จากนั้นมียายเข้ามาห้ามและพาตนไปที่บ้านยาย

 

ต่อมาคู่กรณีได้ตามมาและทำทีจะขอโทษพยายามจะขอเคลียร์ไม่ให้เอาเรื่อง แต่ตนและสามีเห็นว่าแค่ทวงถามเรื่องเงินที่ตนสมควรจะได้ทำไมต้องทำกันขนาดนี้เลยหรือ วันรุ่งขึ้นตนและแฟนจึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.กะเปอร์ จึงอยากขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย เพราะที่บ้านก็ลำบาก มีลูกที่ต้องดูแลอีก 2 คน ซึ่งหลังจากนี้คงต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการยังไงกับเรื่องนี้ต่อไป

 

นางปราณี นางปราณี เรืองพุทธ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ระนอง กล่าวว่า หน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระนองได้ออกมาดูแลเคสนี้ ซึ่งเคสนี้เราได้รับแจ้งจากสื่อออกในโซเชียล ว่าน้องถูกกระทำด้วยความรุนแรง เนื่องจากน้องไปทำงานรับจ้างในสวนยางและน้องไม่ได้รับค่าจ้างตามที่ตกลงกัน คือค่าจ้างได้คนละครึ่ง แต่น้องไม่ได้ตามที่ตกลงกัน น้องก็เลยไปทวงถามน้องก็เลยถูกทำร้ายร่างกายกลับมา

 

วันนี้เราก็เลยลงมาเยี่ยมเพื่อให้การช่วยเหลือน้อง ในการช่วยเหลือ เราแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 ด้านครอบครัว ในด้านการดูแลเด็ก เนื่องจากครอบครัวนี้มีกันอยู่สี่คน มีลูกสองคน ซึ่งยังต้องอยู่ในภาวะเลี้ยงดูและพัฒนาการ เพราะฉะนั้นในการดูแลด้านครอบครัวก็เป็นบทบาทของ พม. ที่จะเข้ามาดูแลในนามของกรมกิจการเด็ก ส่วนเรื่องค่าแรงที่ไม่ได้ตามที่ตกลงกันไว้ ก็ให้ส่วนของกรมแรงงานและสวัสดิการ ที่ได้ลงพื้นที่มาในวันนี้ด้วย ส่วนในเรื่องคดีความ ก็เป็นความรับผิดชอบบทบาทหน้าที่ของพนักงานสอบสวนของ สภอ.กะเปอร์ ในการดูแลต่อไป

 

 

โดยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านของ นางจิราภรณ์ คู่กรณีที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งห่างไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร เพื่อสอบถามถึงเหตุการณที่เกิดขึ้น แต่เมื่อไปถึงไม่พบนางจิราภรณ์ เนื่องจากออกไปธุระข้างนอก พบเพียงแต่ นายเยื้อน เขียวบุญจันทร์ อายุ 90 กว่าปี และภรรยา ซึ่งนายเยื้อนได้เล่าให้ฟังว่าในคืนเกิดเหตุ นางสาวสุภาวดี ได้เข้ามาที่บ้านและโวยวายจะขอคุยกับ นางจิราภรณ์ และพูดจาไม่ดีท้าทายตน ตนจึงได้ขว้างแก้วใบเล็กไปที่ นางสาวสุภาวดี จริงแต่ก็ไม่คิดว่าหลังจากนั้นจะมีเรื่องมีราวตบตีกันต่อจากนั้น เพราะทั้งหมดรวมถึง นางสาวสุภาวดี ก็เป็นลูกเป็นหลานตนทั้งนั้น ส่วนเรื่องเงินๆทองๆอะไรนั้นตนทราบเรื่องคร่าวๆแต่ไม่รู้เขาไปค้างกันอะไรยังไงเมื่อไหร่ และเท่าไหร่จริงๆ และไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายจนถึงเพียงนี้