วันนี้(26 ธ.ค. 67) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ เดินทางไปยังโครงการระบบกักเก็บน้ำในถ้ำตามพระราชดำริ (ถ้ำห้วยลึก) ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร., นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการเชียงใหม่และคณะอนุกรรมการฯ ร่วมด้วย
โครงการระบบกักเก็บน้ำในถ้ำตามพระราชดำริ (ถ้ำห้วยลึก) จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี 2524 และจัดสร้างเสร็จเมื่อปี 2525 เพื่อเก็บน้ำที่มีอยู่ภายในถ้ำห้วยลึกและน้ำฝน เพื่อให้ราษฎรมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี นับเป็นการกักเก็บน้ำแบบใหม่ที่ยังไม่เคยทำมาก่อน สามารถช่วยลดการระเหยของน้ำทำให้น้ำในระดับใต้ดินเพิ่มขึ้น พื้นดินเกิดความชุ่มชื้นจากพื้นที่ที่เคยแห้ง โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้ง และในช่วงน้ำหลากที่ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ โดยพระราชทานลายพระหัตถ์กำหนดพิกัดบริเวณก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเป็น “เครื่องหมายกากบาท 3 จุดลงในแผนที่” ปัจจุบันสามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่ที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึก และจัดสรรให้ราษฎรทำกินพื้นที่ 200 ไร่ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มปริมาณน้ำใต้ดิน และเพิ่มระดับของน้ำใต้ดินให้สูงขึ้น
ในช่วงบ่าย องคมนตรี พร้อมด้วยมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะฯ เดินทางไปยังโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ดอยดำ ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ในการนี้ องคมนตรี เชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบให้แก่นักเรียน , ราษฎร และผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการฯ ประกอบด้วย เสื้อกันหนาวพระราชทาน จำนวน 8 ตัว และถุงพระราชทาน 87 ชุด
โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ดอยดำ ซึ่งเกิดขึ้นจากพระราชเสาวณีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้จัดตั้งหมู่บ้านขึ้น เพื่อให้ราษฎรที่ประสบปัญหาความยากจนและไม่มีพื้นที่ทำกินเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้มีพื้นที่ทำกินและสามารถประกอบอาชีพด้านการเกษตรได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชปณิธานในการทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรควบคู่กับการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้มีความสมบูรณ์และเกิดความยั่งยืนเพื่อประโยชน์กับราษฎรและประเทศ
สำหรับ ผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต พบว่า ราษฎรส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง มีการส่งเสริมอาชีพต่างๆ เช่น การตีมีด, การปลูกข้าวนาพันธุ์ขะสอ 62 แบบขั้นบันได, ปลูกกาแฟอาราบิก้า, ปลูกอะโวคาโด, การเลี้ยงผึ้งโพรง และเลี้ยงปลานิล นอกจากนี้ ยังมีรายได้เสริมจากงานศิลปาชีพ เช่น ผ้าปักชาวเขา, เก็บหาของป่า และรับจ้างจากหน่วยงานในพื้นที่ ปัจจุบัน มีรายได้เฉลี่ย 20,000 บาท ต่อเดือนต่อครอบครัว
ภายใน โครงการฯ ได้เลี้ยงปลาสเตอร์เจียน และปลาเรนโบว์เทร้าต์ โดยใช้ประโยชน์จากน้ำในพื้นที่ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ น้ำมีความสะอาดมีอุณหภูมิ ประมาณ 20 องศาเซลเซียส เหมาะสมกับการเลี้ยงปลาทั้ง 2 ชนิด ปัจุบันสามารถผลิตคาร์เวียจากปลาเรนโบว์เทร้าต์และปลาสเตอร์เจียน มีคุณภาพทัดเทียมผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ และมีราคาถูกกว่า สามารถชดเชยการนำเข้าคาร์เวียจากต่างประเทศได้ โอกาสนี้ องคมนตรี ร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจืด คือ ปลาซิวใบไผ่เจ็ดสี, ปลาซิวใบไผ่แม่แตง และปาดอินทนนท์ รวมจำนวน 10,000 ตัว ลงแหล่งน้ำในโครงฯ เพื่อสร้างความสมดุลทางธรรมชาติ และเป็นแหล่งโปรตีนแค่ราษฎร
จากนั้นในช่วงเย็น ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน พร้อมชุดยาและเวชภัณฑ์พระราชทาน ไปมอบให้แก่ราษฎร 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ 3,500 ชุด จังหวัดเชียงราย 3,500 ชุด จังหวัดลำพูน 2,500 ชุด จังหวัดลำปาง 2,500 ชุด และจังหวัดแม่ฮ่องสอน 3,000 ชุด เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 5 จังหวัด ดังกล่าว เป็นผู้แทนรับเพื่อเชิญไปมอบให้แก่ราษฎรที่ประสบภัยหนาวในแต่ละพื้นที่ และมีราษฎรที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่
โอกาสนี้ องคมนตรี เชิญพระราชกระแสความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวแก่ราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งแบ่งการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ สำหรับสถานการณ์ภัยหนาว ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีราษฎรประสบภัยหนาว จำนวน 11 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมืองเชียงใหม่, อำเภอแม่แจ่ม, อำเภอกัลยาณิวัฒนา, อำเภออมก๋อย, อำเภอเวียงแหง, อำเภอเชียงดาว, อำเภอแม่อาย, อำเภอพร้าว, อำเภอฝาง, อำเภอสะเมิง และอำเภอไชยปราการ ทั้งนี้ ตการรับสิ่งของพระราชทาน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้
©2018 CK News. All rights reserved.