ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Walaiporn Thobuhyong ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับหมอโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ประมาณ 3 ทุ่มเราน้ำคร่ำแตก(ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 5 เดือน) ก็รีบไป รพ. ไปถึงหมอผู้ชายก็มาซาวนด์ บอกว่าเด็กทั้ง 2 หัวใจยังเต้นปกติ แล้วก็ให้ไปนอนรอ สักพักใหญ่ๆ หมอก็มาวัดปากมดลูก หมอบอกว่า "ไม่รอดยังไงก็แท้ง อีกไม่นานก็จะปวดเบ่งแล้วก็เบ่งออกมา" เมื่อถามว่าไม่มีวิธีช่วยทางอื่นแล้วเหรอ หมอก็บอกว่า "เด็กตัวแค่ 200 กรัมจะช่วยยังไง ยังไงก็ไม่รอด ตาย ยังไงก็แท้ง" แล้วหมอก็เดินออกไปคุยกับแฟน บอกแฟนว่า "แท้งหมดแล้ว"

จากนั้นก็นอนรอ กระทั่งหมอบอกว่า "จะให้ยาเร่งออกนะ" เราก็ร้องไห้แล้วบอกว่าลูกยังดิ้นอยู่เลย อย่าเพิ่งให้ยาเอาออกได้มั้ย หมอก็ให้เราไปซาวนด์ แต่ตอนซาวนด์ เราไม่เห็นจอซาวนด์นะ หมอเห็นคนเดียว หมอบอกเราว่า "เด็กตายแล้วคนนึง ยังไงก็ต้องเอาออก" เราถามหมอว่า "รู้ไหมคะว่าเด็กเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย" หมอตอบว่า "จะอยากรู้ไปทำไม รู้ไปก็เท่านั้น ยังไงก็ไม่รอด ไม่ได้เลี้ยงอยู่ดี ยังไงก็ตาย" เราก็ร้องไห้หนักเลย หมอบอกว่าถ้าไม่เอาออกเราจะตายเพราะติดเชื้อ" หมอก็จะให้ยาเร่งออก แต่ยืนยันว่าลูกยังดิ้นอยู่ ลูกยังไม่ตาย

กระทั่งแฟนมาเกลี้ยกล่อมให้ยอมเอาเด็กออก เพราะกลัวเราตายจากอาการติดเชื้อที่หมอบอก จนเริ่มใจอ่อนเลยถามพยาบาลว่า "ถ้าให้ยาเร่งแล้วปวดท้องต้องทำยังไง" พยาบาลก็ตอบว่า "ปวดท้องก็ไปเข้าห้องน้ำ เบ่งลงชักโครกไปเลย แล้วกดน้ำทิ้งไปเลย" แฟนก็ถามพยาบาลว่า "ทำแบบนั้นเลยเหรอ" พยาบาลบอก "ใช่ ในชักโครกนี่เด็กอยู่กี่คนแล้วก็ไม่รู้ ลูกพยาบาลก็อยู่ในนี้ ของเราเด็กตัวนิดเดียวเท่านั้นแหละ ตัวเท่าหัวนิ้วโป้งมือเบ่งลงชักโครกไปเลย"

จนป้ามาป้าบอกยอมให้หมอเอาออกเถอะ ก็ร้องไห้บอกป้าว่า "ดูท้องสิจับท้องดู ลูกหนูยังดิ้นอยู่เลย จะให้ทำได้ยังไง" ทุกคนเห็นว่าลูกเราดิ้นเหมือนงูที่เลื้อยอยู่ในท้อง ป้าเลยบอกงั้นย้ายโรงพยาบาลกัน พอไปถึงโรงพยาบาลอีกแห่ง หมอพาไปซาวนด์บอก "เด็กยังมีชีวิตทั้งคู่" แต่น้ำคร่ำแห้งหมดแล้ว มาช้าไป จากนั้นหมอก็พยายามวางแผนที่จะช่วยชีวิตเด็กทั้ง 2 แล้วก็เราตลอดเวลา มาดูอาการทุกชั่วโมง ปลอบใจตลอด ขนาดจะให้ยาขับออกยังบอกว่า "ถ้าเด็กยังมีชีวิตจะไม่ให้ยาขับออก" แต่เรามาช้าไป น้ำคร่ำแห้งหมดแล้ว เด็กเจริญเติบโตต่อไม่ได้แล้ว ยังไงคงต้องเอาออก สรุปพอคลอดออกมาเด็กหนักคนละ 500 กรัม แต่หมอโรงพยาบาลก่อนบอกว่าตัวแค่หัวนิ้วโป้งมือ ทั้งนี้ไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรหรอก แค่อยากให้ปรับปรุงการให้บริการและคำพูดให้ดีกว่านี้.

ขอบคุณ ข้อมูล : Walaiporn Thobuhyong