วันที่ 29 ต.ค.2567 ตามนโยบายสํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สํานักงานตํารวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบ ธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดําเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พํานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทําผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทําให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามา แฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทําความผิด
ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., , พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ รอง ผบก.ตม.5 ช่วยราชการ บก.ตม.1, , พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดํารงค์ชัย ผกก.สส.พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1บก.ตม.3, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, ผู้ต้องหารายสําคัญ ดังนี้
1.ตม.จว.ชลบุรี รวบโอปป้าทรงเอ แก๊งค้ายาข้ามชาติ แอบเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ มากบดานพัทยา
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ ตม.จว.ชลบุรี ทราบว่า MR.HUN (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อปี พ.ศ.2560 ได้ถูกทางการไทยส่งกลับประเทศเนื่องจากถูกดําเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) และเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) จึงตกเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาใน ประเทศไทย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ได้ลักลอบหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย และมาพักอาศัยในเมืองพัทยา ประมาณ 2 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนหาข่าวเพิ่มเติมเพื่อวางแผนจับกุม จนทราบว่า MR.HUN พักอาศัยอยู่ที่ อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งบริเวณ ถนนพัทยาสาย 3 ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้เข้าตรวจสอบ พบ MR.HUN อยู่บริเวณอพาร์ทเมนท์ดังกล่าว จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง จากการตรวจสอบปรากฏว่าไม่พบ รอยตราประทับการตรวจอนุญาตให้เข้ามาในประเทศ (รอยตราประทับขาเข้า) และตรวจสอบจากระบบสารสนเทศ ตม. ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในประเทศ
จากการสอบถาม MR.HUN รับว่าได้ลักลอบหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ตามช่องทางธรรมชาติ ชายแดนจังหวัดสระแก้ว เมื่อตรวจค้นในห้องพักพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติดจํานวนหนึ่ง จึงได้ ตรวจปัสสาวะของ MR.HUN ผลการตรวจไม่พบสารเสพติดในร่างกาย โดย MR.HUN ให้การว่าอุปกรณ์การเสพ ยาเสพติดดังกล่าวเป็นของหญิงไทยที่เคยมาพักด้วย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.ชลบุรี ยังพบข้อมูลว่า MR.HUN มีพฤติการณ์ส่งยาเสพติดไปยังประเทศเกาหลี โดยจะเป็นผู้จัดหายาเสพติดที่ประเทศไทย เพื่อให้คนเกาหลีมารับยาเสพติด และซุกซ่อนกลับไปที่ประเทศเกาหลี ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับคดีลักลอบนํายาเสพติดเข้าประเทศเกาหลี ได้ให้การซัดทอดว่า รับยาเสพติดมาจาก MR.HUN เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.ชลบุรี จึงได้จับกุม MR.HUN ในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทาง เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นําตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดําเนินคดี ตามกฎหมาย
2. สตม. ทลายเครือข่ายต่างด้าวแสบ หลอกลงทุน Crypto Currency ซื้ออสังหาฯหวังฟอกเงิน
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี 2566 มีกลุ่มแก๊งคนต่างด้าว ได้ร่วมกับชาวไทยกลุ่มหนึ่ง หลอกลวง นางสาวมัลลิกา (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ให้ลงทุนเทรดหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี โดยได้เปิดเพจเฟสบุ๊ก (Facebook) ใช้ชื่อ ห้องคุยนักลงทุน ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ แนะนําการลงทุนในการเทรดหุ้น ซึ่งได้รับ ผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายจึงเข้าไปพูดคุยและสนใจ เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาเห็นว่าผู้เสียหายสนใจ จึงได้ติดต่อมาทาง แอพพลิเคชั่นไลน์ และหลอกล่อจนกระทั่งผู้เสียหายยอมโอนเงินไปให้หลายครั้ง หลายบัญชี
โดยคนร้ายจะมีการพูด หลอกล่อ เช่น ต้องค้างเงินไว้ในพอร์ตเป็นเวลาขั้นต่ํากี่วัน หรือต้องมีการโอนเพิ่มเพื่อให้สามารถทําการเทรดโดยใช้ leverage ได้ เมื่อผู้เสียหายเทรดได้กําไร มีการโอนผลกําไรกลับไปบางส่วน เป็นต้น ทําให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ทั้งนี้ รวมยอดความเสียหายที่ผู้เสียหายโอนเงินไปทั้งสิ้น เป็นจํานวนเงิน 21 ล้านบาท ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก โดยจากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาแก๊งนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทํางานตั้งแต่ระดับ สั่งการจนถึงบัญชีม้า ดังนี้
นายมูน ชาวกัมพูชา (ผู้ต้องหาที่ 1) และ นายโก ชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 2) ทําหน้าที่เป็นบัญชีม้า รับโอน เงินต่อกัน โดยได้รับการชักชวนจากนายหน้าชาวเมียนมาอีกทอดหนึ่ง ก่อนจะมีการโอนเงินไปยัง นายวิน นักธุรกิจ ชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 3) ซึ่งเปิดบริษัททําธุรกิจบังหน้าในประเทศไทยอีกทอดหนึ่ง ก่อนที่จะมีการโอนเงินไปให้ นางสาวซาน หญิงชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 4) ที่ทําหน้าที่รับยอดเงินรวม ก่อนจะมีการนําไปรวมกับบัญชีของ นางสาวถ่วย หญิงชาวเมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 5) เพื่อนําไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบคอนโดมิเนียมหรูย่านพระราม 9 มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นเงินสด และขายต่อให้บุคคลที่สามชาวเมียนมาทันที พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวม พยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันนําข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ประชาชน
ชุดสืบสวน กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้สืบสวนหาข่าวเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 รายดังกล่าวเรื่อยมา จนสามารถจับกุม นายโก ชาวเมียนมา ได้ที่บ้านพักส่วนตัว จว.ปทุมธานี จับกุมนายมูน ชาวกัมพูชา ได้ที่โรงงานแห่งหนงึ่ ใน จว.สระบุรี หลังสืบทราบว่าได้มีการหลบหนีไปสมัครงานที่โรงงานดังกล่าว จับกุมนางสาวซาน หญิงชาวเมียนมา ทีคอนโดมิเนียมหรูริม ถ.รัชดาภิเษก จับกุมนางสาวถ่วย ชาวเมียนมา ขณะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยที่ท่าอากาศ ยานดอนเมือง เพื่อจะมาจัดการทรัพย์สิน และจับกุมนายวิน นักธุรกิจชาวเมียนมา ขณะเดินอยู่ที่บริเวณริม ถ.ราชดําริ นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ดําเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากการสอบปากคํานายโก นายมูน และ นางสาวซาน ยังนําไปสู่การออกหมายจับบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาอีกหนึ่งรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างสืบสวนจับกุม และจะได้ขยายผล สืบสวนจับกุมต่อไป
3. สืบ ตม.3 รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตาน้ำข้าว หนีคดีข้ามชาติ ก่อความเสียหายกว่า 50 ล้าน บาท กบดานพัทยา OVER STAY
กก.สส.บก.ตม.3 ได้รับแจ้งข้อมูลว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติสวีเดน ซึ่งกระทําผิดฐานฉ้อโกง ในลักษณะ แก็งคอลเซ็นเตอร์มูลค่าความเสียหายคิดเป็นเงินไทยกว่า50,000,000บาทไดเ้ดินทางเข้ามาในประเทศไทยและหลบ ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบสวนหาข่าว โดยขณะที่ชุดจับกุมได้ไป ตรวจสอบที่บริเวณหน้าอาคารชุดในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ได้พบคนต่างด้าวลักษณะมีพิรุธอยู่บริเวณ หน้าอาคารชุด จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตํารวจตรวจคนเข้าเมือง และขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง จากการ ตรวจสอบพบ MR.JOHN (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี สัญชาติสวีเดน การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด (OVER STAY) จากนั้นได้ไปตรวจสอบที่ห้องพักของ MR.JOHN พบ MR.VLADIS (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี สัญชาติสวีเดน เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด(OVERSTAY)เช่นเดียวกันจึงได้จับกุมในข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นําตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดําเนินคดีตามกฎหมาย
อนึ่ง จากการประสานงานตรวจสอบกับทางการสวีเดน รับแจ้งว่า ทั้ง MR.JOHN และ MR.VLADIS มีประวัติ กระทําความผิดอาญาในประเทศสวีเดน ในความผิดฐานฉ้อโกง ในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหาย กว่า 50,000,000 บาท
4. สตม. รวบอดีตทหารรับจ้างรัสเซียส่ง ข้อความขู่ฆ่าคู่อริ ยึดแม็กกาซีนและเครื่องกระสุนปืน หลายขนาดนับร้อยนัด
กก.สส.บก.ตม.1 จับกุม MR. MILO YANOVICH (นามสมมติ) อายุ 25 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมด้วยของกลาง ซองกระสุนปืนพกขนาด .380 จํานวน 1 ซอง พร้อมกระสุนบรรจุ จํานวน 2 นัด, กระสุนปืนขนาด .380 ยี่ห้อบุลเล็ต มาสเตอร์ จํานวน 50 นัด, กระสุนปืนขนาก 9 มม. จํานวน 42 นัด, กระสุนปืนขนาด .45 มม. จํานวน 16 นัด โดยกล่าวหาว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นําตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดมิเนียมในพื้นที่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจาก กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับแจ้งจากประชาชนผู้ไม่ประสงค์ออกนามว่าถูกชายชาวรัสเซียซึ่งพัก อาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมในพื้นที่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ใช้ภาพอาวุธปืนและส่งข้อความข่มขู่ว่าจะยิง ทีละคนจนกว่าเขาจะตาย และจะสาดเลือดหมูใส่ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตํารวจดําเนินการสืบสวนจับกุม จากการสืบสวน พบว่าชายชาวรัสเซียคนดังกล่าวคือ MR. MILO YANOVICH (นามสมมติ) พักอาศัยอยู่ที่ห้อง 128 กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญาเข้าทําการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ MR.MILO YANOVICH และพบของกลาง ซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องสีเทาข้างตู้เสื้อผ้า โดย MR.MILO YANOVICH ให้การว่าอดีตเคยเป็นทหารรับจ้างของประเทศ รัสเซีย ซองกระสุนและเครื่องกระสุนของกลางทั้งหมดไม่ใช่ของตนเอง เป็นของเพื่อนคนไทยจําชื่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตํารวจ ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดีในข้อหาดังกล่าว
©2018 CK News. All rights reserved.