วันที่ 22 ต.ค. 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง และ พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ร.ต.อ.พิชชากร กองสวัสดิ์ ,ร.ต.อ.พงศธร อารีย์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น.ชุดปฏิบัติการที่ 3 ได้จับกุม น.ส.ลักษมี ฐานะการณ์ อายุ 50 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 145 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านหว้า อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 1222/2561 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2561
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจรและร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”(บัญชีม้า + แก๊งคอลเซ็นเตอร์) จับกุม บริเวณหน้าร้านนวด ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ที่ถูกออกหมายจับ กล่าวคือ ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ ผู้เสียหาย อายุ 64 ปี ได้รับโทรศัพท์อ้างว่าเป็นตำรวจแจ้งกับผู้เสียหายว่าผู้เสียหายมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดและคดีฟอกเงิน ทางตำรวจจะยึดบัญชีและหลอกให้โอนเงินเพื่อป้องกันการอายัดบัญชีโดยให้โอนเงินให้ เป็นเงิน 120,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินให้ทำให้ได้รับความเสียหาย มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หลังถูกจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่า ช่วงปี61 ตนทำงานร้านนวดใน กทม.ต่อมาได้รับการชักชวนจากเพื่อนร่วมงานไปทำงานนวดที่ประเทศมาเลเซีย แต่เมื่อไปถึงกับได้ทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ทำหน้าที่รับสายจากคนไทยได้ค่าแรงวันละ 500 บาท ไปพร้อมกับเพื่อนอีก 8 คน เมื่อไปถึงมีชาวไต้หวันเป็นหัวหน้าแก๊ง ยึดมือถือพร้อมแอปธนาคารของตน และให้ตนปลอมเป็นคอลเซ็นเตอร์หลอกเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทย คอยรับสายโดยมีสคริปให้ตนท่อง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อตนจะโอนสายให้เพื่อนร่วมงานผู้ชายที่มาด้วยปลอมเป็นตำรวจไทย เพื่อหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อว่ามีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดและคดีฟอกเงิน ทางตำรวจจะยึดบัญชีและหลอกให้โอนเงินเพื่อป้องกันการอายัดบัญชีโดยให้โอนเงินมาให้แก๊งของตน เมื่อตนทำงานถึงวันที่ 10 เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียพร้อมด้วยตำรวจไทยบุกทลายแก๊งของตนในบ้านพัก2ชั้นภายในเมืองแห่งหนึ่งติดชายแดนของประเทศไทย ตนเชื่อว่ากลุ่มของตนที่หนีมาทำงานด้วยกัน 2 คนเป็นสายตำรวจทำให้แก๊งของตนถูกจับ เพราะว่า 2 คนที่ตนเชื่อว่าเป็นสายตำรวจ ไม่ถูกจับ
ตนรู้สึกเสียใจที่ต้องติดคุกที่มาเลเซียและต้องถูกจองจำในคุกไทยอีก 5 ปี (หมายจับคดีเดียวกัน สน.ลาดกระบัง)แต่ตนเป็นนักโทษชั้นดีได้อภัยอภัยโทษ เหลือจำคุกจริง 3ปี3เดือน เมื่อพ้นโทษออกมาตนกลับไปอยู่ภูมิลำเนา จ.ขอนแก่น 2 ปี ต่อมามาทำงานเป็นพนักงานนวดย่านประเวศเพียง 1 ปี ตนกลับถูกดำเนินคดีกับสิ่งที่ตนได้ก่อกรรมไว้ในอดีต
ตนขอปฏิเสธ ที่ผู้เสียหายถูกหลอกโอนเงินจำนวน 120,000 บาท เข้าบัญชีของตน ตนไม่รู้ว่ามีเงินเข้าแต่อย่างใด เพราะหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยึดมือถึงตนไว้ เพียงยอมรับว่าตนทำหน้าที่เป็นปลอมเป็นคอลเซ็นเตอร์ของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์คอยหลอกเหยื่อคนไทยเท่านั้น
สุดท้ายอยากฝากถึงคนที่คิดจะทำผิดอยากทำผิดเลย ถ้าย้อนเวลาไปได้ตนจะไม่กระทำต่อคนไทยด้วยกัน พร้อมเอ่ยคำว่าเสียใจกับเจ้าหน้าที่
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังขบวนการหลอกพาคนไทยไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ริมชายแดนประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีอยู่ เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนที่กำลังหางานทำ ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก โดยจะต้องทำยอดให้ได้ตามเป้าแต่ละเดือน บางทีก็ถูกนำบัญชีธนาคารไปรับโอนเงินกลายเป็นบัญชีม้า จึงอยากเตือนคนที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อว่า ไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณาว่า ทำงานง่ายได้เงินวันละพันกว่าบาท หรือหลายหมื่นบาท และสามารถไปทำได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานยืนยัน หรือไม่ต้องเตรียมเอกสารในการข้ามแดน สิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่จริง และไม่ควรหลงเชื่อบรรดากลุ่มมิจฉาชีพ
©2018 CK News. All rights reserved.