"ทนายตั้ม"ยื่นหนังสือป.ป.ช. ตรวจสอบอธิบดีอัยการฯ ร่ำรวยผิดปกติ บ้านหรูกว่า10หลัง รถหรูกว่า10คัน


9 ต.ค. 2567, 14:10

"ทนายตั้ม"ยื่นหนังสือป.ป.ช. ตรวจสอบอธิบดีอัยการฯ ร่ำรวยผิดปกติ บ้านหรูกว่า10หลัง รถหรูกว่า10คัน




วันที่ 9 ต.ค.2567 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สิน อธิบดีอัยการฯ คนหนึ่ง (ว่าที่ร้อยตรีอภิสัคค์ พรหมสวาสดิ์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานบังคับคดี) ว่ามีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ เนื่องจากพบว่ามีบ้านในโครงการหรู ทั้งในสนามกอล์ฟ และกลางเมืองหลวงกว่า 10 หลัง พร้อมให้ตรวจสอบรถยุโรป benz, bmw และ porsche มากกว่า 10 คัน ว่าเป็นการได้มาจากตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่

นอกจากนี้ยังพบว่า รออธิบดีอัยการฯ ดังกล่าว ใช้บัญชีม้า 2 บัญชี ในการทำทุรกรรมการเงิน โดยเท่าที่ทราบ ทรัพย์สินของรองอธิบดีอัยการฯ คนนี้ มีบ้านถึง 50 หลัง แต่ ณ ขณะนึ้พบโฉนดกับบ้านเลขที่ได้กว่า 10 หลัง ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเพิ่มเติม โดยพฤติกรรมคือจะมีการซื้อทรัพย์สินมาใส่ชื่อแม่ และภรรยา หรือคนใกล้ชิด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และทราบข่าวจากสำนักงานอัยการว่าอาจจะมีการสั่งให้ออกราชการไว้ก่อนเร็ว ๆ นี้

ส่วนคดีที่รองอธิบดีอัยการฯ รายนี้ ถูกกล่าวหาว่าไปเป็นชู้กับภรรยาของนักธุรกิจชาวจีนคนหนึ่งนั้น ก่อนหน้านี้ได้มีการไปร้องเรียนกับอัยการสูงสุดแล้ว ซึ่งทราบมาว่าน่าจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

สำหรับกรณีที่รองอัยการฯ รายนี้เคยถูก ปปช. ชี้มูลความผิดในคดีเรียกรับสินบนชาวจีนที่ใช้พาสปอร์ตปลอม 500,000 บาทนั้น ก่อนหน้านี้อัยการรายนี้เคยถูก ปปช. ชี้มูลความผิดใน 2 ข้อหา คือ ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 และรับเงินเกิน 3,000 บาท ทางอัยการคดีทุจริตได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเห็นว่าความผิดดังกล่าวรวมอยู่ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนแล้ว ซึ่งต่อมาทางคณะกรรมการร่วมระหว่าง ปปช. และอัยการได้พิจารณาแล้วมีความเห็นพร้อมกันว่า ให้ดำเนินคดีเฉพาะข้อหาเป็นเจ้าพนักงานได้รับสินบนข้อหาเดียว

ซึ่งมีรายงานว่าทางอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องแล้ว จากนั้นผู้ถูกกล่าวหาได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา หากพิจารณาแล้วยกคำร้องก็จะเข้าสู่กระบวนการนัดหมายเพื่อส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีกำหนดเวลา

ส่วนประเด็นที่ไม่มีการพักราชการอัยการท่านนี้ในระหว่างการถูก ปปช. ชี้มูลความผิดนั้น เนื่องจากกฎหมายอัยการ จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือกรรมการชั้นต้น ก่อนที่จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวนของกรรมการชั้นต้น โดยกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจให้ถูกพักราชการในชั้นนี้ แต่ถ้าหากอัยการท่านดังกล่าวถูกส่งตัวฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตฯ เมื่อไหร่ ก็จะถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่จะสามารถถูกสั่งพักราชการได้ทันที

นอกจากนี้นายษิทรายังได้มายื่นหนังสือสอบถามกรณีร้องให้ตรวจสอบโครงการรถอัจฉริยะ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ ป.ป.ช.ได้มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหา พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการแห่งชาติ และพวกไปแล้ว แต่มีกระแสข่าวว่ามีบุคคลนำสำนวนดังกล่าวไปเก็บไว้เป็นเวลานาน เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาสามารถยื่นขอความเป็นธรรมได้ทัน จึงขอให้เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.ตรวจสอบสารบบเอกสาร เพื่อตรวจสอบว่ามีความพยายามช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่

ซึ่งตนเองนั้นได้รับข้อมูลจากผู้หวังดีว่าระยะเวลาการเซ็นต์ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เหมือนมีการนำสำนวนไปดองไว้เป็นเวลานาน เพื่อให้ผู้ต้องหาได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมได้ทัน ทั้งที่คดีดังกล่าวนั้นเป็นคดีความมาตั้งแต่ปี 2562 เวลาผ่านไป 5 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่กระบวนการควรไปถึงชั้นอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องแล้ว จึงมาขอให้ตรวจสอบว่ามีกรรมการ ป.ป.ช.คนใด นำสำนวนนี้ไปดองไว้





คำที่เกี่ยวข้อง : #ทนายตั้ม  









©2018 CK News. All rights reserved.