วันที่ 31 มี.ค.2567 จากกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจในการดำเนินคดีและแถลงข่าวชี้แจงของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้ออกมาเปิดเผยว่า ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ถอนฟ้องทนายตั้ม หรือนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพื่อเปิดทางให้ทนายตั้มได้ใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและเดินหน้าตรวจสอบเต็มที่ ต่อมาทนายตั้มได้ระบุว่าในสัปดาห์นี้เตรียมเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน เพื่อดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร. นางนิภาพรรณ หรือมาดามกุ๊กไก่ (ภรรยา) และบัญชีม้า 2 ราย คือ นายคชาชาญ และนายณัฐพงษ์ ในฐานความผิดร่วมกันฟอกเงิน เนื่องจากพบพยานหลักฐานว่าในช่วงปี 2566 มีเส้นทางการเงิน 2 รายการ จาก 2 บัญชีม้าดังกล่าวทำธุรกรรมโอนเงินทำบุญกับวัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี ได้แก่ ยอดเงิน 700,000 บาทและยอดเงิน 100,000 บาท ภายหลังพบว่าประธานหรือผู้อุปถัมภ์การเป็นเจ้าภาพ คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. อีกทั้งในช่วงนั้นทางวัดยังได้โพสต์กล่าวขอบคุณ ผบ.ตร. ผ่านเพจเฟสบุ๊ค "วัดนครอินทร์ Wat nakhonin" ในการบริจาคทั้งสองยอด จึงเป็นเหตุให้ทนายตั้มตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงด้วยกัน ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ ชั้น 16 บก.ปปป. อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บข.ก.) ถ.พหลโยธิน (ข้างแดนเนรมิตรเก่า) ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยก่อนเข้าให้ปากคำในฐานะผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับคณะพนักงานสอบสวน ว่า วันนี้ตนเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน โดยได้นัดหมายกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ซึ่งประเด็นที่จะมีการให้ปากคำในวันนี้จะเกี่ยวกับหลักฐานที่เคยยื่นในวันนั้น แต่วันนี้ตนมาให้การเพิ่มเติมและให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ตนได้ระบุอย่างละเอียดในคำให้การและให้ตรวจสอบหลักฐานการโอนเงินว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับไหนบ้าง ตั้งแต่ระดับชั้น พ.ต.อ. ชั้นประทวน ไปจนถึงระดับชั้น พล.ต.อ. นอกจากนี้ ในวันจันทร์นี้ (1 เม.ย.) ตนจะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ภรรยา ของ ผบ.ตร. และบัญชีม้า 2 ราย ที่ สน.เตาปูน ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ตามที่เคยนัดหมายไว้
ส่วนเรื่องคลิปวิดีโอเสียงสนทนาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ราย ซึ่งตนได้โพสต์ลงเพจตัวเองนั้น ทนายตั้ม ระบุว่า เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ส.ค.ปี 65 และเป็นการพูดคุยกันของชุดทีมแม่บ้านตำรวจคอมมานโด และตำรวจ ปคม. ในการเก็บส่วยคาราโอเกะย่านลาดพร้าว ซึ่งปกติทาง ปคม. เก็บอยู่แล้ว อัตราร้านละ 1,000 บาท 3 ร้านก็ 3,000 บาท แต่ภายหลังมีตั๋วคอมมานโดเพิ่มเข้ามา ขอให้เก็บอย่างน้อยร้านละ 500 บาท รวมเป็น 4,500 บาทต่อร้าน
สำหรับประเด็นที่จะเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนนั้น ทนายตั้ม ระบุว่า เรื่องมันเกิดขึ้นมาจากบัญชีม้าของ น.ส.พิมพ์พิไล (สงวนนามสกุล) ที่ถูกจับกุมในคดีเว็บพนัน BNK Master และเว็บพนัน VENUS Master รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับดาบยาว หรือ ด.ต.อภิชาติ สุวรรณเพ็ชร สังกัด กก.1 บก.สอท.2 และรองฟาง หรือ พ.ต.ท.สุรกุล ธัญสิริดำรง รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สอท.2 สองตำรวจไซเบอร์ ลูกน้องคนสนิทของ ผบ.ตร. เรื่องการรับเงินจากเว็บพนันและเรื่องเส้นทางการเงินตามที่ตนได้เคยเผยแพร่ไว้ วันนี้ตนมาให้การเพื่อไปสู่การตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงิน และเลขบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ปรากฏในรูปของสำนวนคดี
กรณีการที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้สั่งทีมกฎหมายถอนแจ้งความหมิ่นประมาทฯ มองอย่างไรนั้น ทนายตั้ม ระบุว่า วานนี้ (30 มี.ค.) ตนปากไวไปหน่อยที่พูด ณ วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี แล้วไปพูดว่าจะไปขอหมายศาลเรียกเอกสาร เช่น รายการเดินบัญชี (Statement) พวกเขาคงกังวลว่าตนจะไปเรียกเอกสารสำคัญอะไรมา ก็เลยมีการไปถอนฟ้อง ทำให้ตนไม่สามารถเรียกเอกสารอะไรโดยใช้หมายศาลได้ แต่ไม่เป็นไร ตนได้ระบุกับตำรวจไปแล้วว่าจะมีการเรียกทุกอย่างที่ได้มีการขอไป อย่างไรก็ตาม การไปถอนฟ้องของคู่กรณีที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้ไปขอให้เขาถอนฟ้อง มันไม่เกี่ยวกับการต่อรองอะไรกัน ดังนั้น การที่เขามาฟ้องเองแล้วถอนฟ้องเองก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เราก็จะดำเนินการต่อไป ตามที่ได้นัดมหานไว้ สองเรื่องคือดำเนินคดีกับตำรวจ และเรื่องส่วยที่มันสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทุกหย่อมหญ้า ตนต้องเรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จัดการ อย่านิ่งเฉย เพราะทุกคนรู้เรื่องกันหมด เพราะเป็นผู้นำรัฐบาลแต่ไม่คิดมาแก้ไขอะไรเลย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่มีดีลลับ รับรองเลยว่าที่นัดหมายทุกคนไว้ว่าพรุ่งนี้จะแจ้งความก็จะไปแจ้งตามเดิม ถ้ามีดีลลับคงไม่ไปแจ้งความ
ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ประสานมาขอหลักฐานเผื่อจะช่วยอะไรได้ ซึ่งตนเห็นถึงความตั้งใจของผู้นำฝ่ายค้าน วันจันทร์นี้ (1 เม.ย) ช่วงเวลา 14.00 น. ตนจะไปพบนายชัยธวัชที่รัฐสภา เพื่อให้ท่านดูหลักฐานต่างๆ ส่วนมันจะไปเชื่อมโยงกับการอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ในวันที่ 3-4 เม.ย.นี้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบว่าเขาจะอภิปรายเรื่องอะไรกันบ้าง แต่ถ้าข้อมูลของตนเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ตนก็พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายของรัฐบางหรือฝ่ายค้าน แต่เพราะว่าทางหัวหน้ารัฐบาลเขาไม่ได้สนใจเรื่องส่วย ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านเขาสนใจ จึงประสานตนในเรื่องที่เคยแถลง
ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า สำหรับในเรื่องของความปลอดภัยในวันนี้ยังไม่มีใครมาขับขี่ตามรถของตน แต่ตรงก็ยังต้องระมัดระวังตนไปเล่นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีนายตำรวจมากกว่า 100,000 ราย ทั้งนี้ เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ทนายตั้มได้เดินมายังบริเวณด้านหน้า ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก่อนเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.ท.พงศ์ปณต บัวแก้ว รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปปป. ดำเนินการสอบปากคำ และทนายตั้มได้ยื่นเอกสารหลักฐานเรื่องส่วย รวมทั้งหมด 175 รายการ
©2018 CK News. All rights reserved.