วันที่ 21 มี.ค.2567 ด้วยปัจจุบันมีเหตุการณ์กระทำความผิดของชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ อีกทั้งการกระทำ ความผิดดังกล่าวยังมีลักษณะอุกอาจ ไม่เคารพต่อกฎหมายไทย ซึ่งได้ปรากฏตามข่าวและสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวในประเทศไทยเสียหาย และเป็นที่กังวลใจของพี่น้องประชาชน ในการนี้รัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีความเป็นห่วงในกรณีดังกล่าว ได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติลงไปดูแล และหามาตรการในการดำเนินการ ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมติดตามสถานการณ์ กำกับดูแล และสั่งการถึงมาตรการในการดูแลป้องกันการกระทำความผิดของชาวต่างชาติ ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยมี พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด และหน่วยร่วมปฏิบัติในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมการประชุมเพื่อชี้แจงให้ข้อมูล และรอรับการสั่งการเพื่อนำไปปฏิบัติ
ในการประชุม พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานว่า ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีชาวต่างชาติขออยู่ต่อในราชอาณาจักรจำนวน 32,207 ราย โดยเหตุผลการอยู่ต่อได้ 3 อันดับแรก ได้แก่ ประกอบธุรกิจ ร้อยละ 27.94, ศึกษาในสถานศึกษาเอกชน ร้อยละ 25.04 และใช้ชีวิตบั้นปลาย ร้อยละ 15.19 จากนั้นได้รายงานถึงผลการปฏิบัติในการจับกุมชาวต่างชาติที่ได้กระทำผิดกฎหมายในห้วงตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 66 ถึงปัจจุบัน (ปีงบประมาณ 2567 ) พบว่ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และหน่วยร่วมปฏิบัติในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้มีผลการจับกุมชาวต่างชาติซึ่งได้กระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง มีผลการจับกุมจำนวนทั้งสิ้น 614 ราย ประกอบด้วย ข้อหาการประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต, หลบหนีเข้าเมือง, อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด, เมาแล้วขับ, พ.ร.บ.ยาเสพติด, ปล้นทรัพย์, ค้าประเวณี, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์อื่นๆ และความผิดเกี่ยวกับเพศ และในทุกคดีที่ผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติกระทำความผิด พนักงานสอบสวนจะส่งเรื่องไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ตรวจสอบ หากเข้าหลักเกณฑ์ก็จะดำเนินการเพิกถอนวีซ่า ซึ่งกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้เสนอเรื่องไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้วพบว่าเข้าหลักเกณฑ์ และได้ทำการเพิกถอนวีซ่าไปแล้วจำนวน 98 ราย ในการประชุมดังกล่าวได้มีการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อนำไปปฏิบัติ ในการดูแลป้องกันการกระทำความผิดของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย างยิ่งมาตรการในการปราบปรามกลุ่มชาวต่างชาติที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อจงใจกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งได้กำหนดให้มีการระดมกวาดล้างการกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้มีความรู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้น
และในวันนี้ ได้มีปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งได้ขออนุมัติหมายศาลเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบริษัทให้เช่ารถในอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดยบริษัทดังกล่าวน่าเชื่อได้ว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการ โดยชาวต่างชาติ ซึ่งได้มีคนไทยเข้าร่วมถือหุ้นเป็นนอมินีเพื่อหลบเลี่ยงกฎหมาย และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ 2542 ซึ่งได้ดำเนินการตรวจยึดรถยนต์และรถจักรยานยนต์กว่า 100 คัน และเอกสารอีกหลายรายการ เพื่อนำไปตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติม ขอยืนยันว่า กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะได้เดินทางมาท่องเที่ยว และได้กำหนดมาตรการในการดูแลป้องกันการกระทำความผิดของชาวต่างชาติไว้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อจงใจกระทำผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวต่อไป
©2018 CK News. All rights reserved.