วันที่ 8 มี.ค.2567 นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าภายหลังเกิดเหตุการณ์จรวดต่อต้านรถถัง ถูกยิงจากฝั่งเลบานอนข้ามมายังชายแดนทางตอนเหนือ ของอิสราเอลบริเวณนิคมเกษตรมาการิโอท (Margaliot) เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 จนมีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ 5 รายว่า ขณะนี้ แรงงาน ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว 3 ราย และผู้บาดเจ็บที่เหลือ 2 ราย ที่ยังมีอาการค่อนข้างหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้เข้าเยี่ยมแรงงานไทยทั้ง 2 ราย ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ รวมถึงได้พบกับแพทย์เพื่อติดตามอาการ และประสานญาติแล้ว และที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังได้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ให้เร่งสำรวจรายชื่อแรงงานไทย ที่ยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่สีแดงติดกับชายแดนเลบานอน และขอให้ย้ายคนไทยเหล่านั้นออกจากพื้นที่ทันที โดยก่อนหน้านี้ ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2567 สถานทูตฯ เคยได้ประสานกับทางการอิสราเอล เพื่ออพยพแรงงานไทย จำนวน 14 คน ออกจากเมืองเมตูลา (Metula) ซึ่งอยู่ในพื้นที่สีแดงทางเหนือด้วยแล้วเช่นกัน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังขอให้คนไทยในอิสราเอล ลงทะเบียนกับสถานเอกอัครราชทูตฯ หรือหากต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสถานทูตฯ ได้ทันที
สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ยังคงมีปฏิบัติการทางทหารที่เข้มข้นในพื้นที่ตอนกลาง และตอนใต้ของกาซา อีกทั้งยังมีการจับกุม ผู้ที่ถูกระบุว่า เป็นผู้ก่อการร้ายในเขต West Bank อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการโจมตีตอบโต้กันระหว่างอิสราเอล กับกลุ่ม Hezbollah อย่างหนักในพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอล ซึ่งหลายฝ่ายพยายามเจรจา เพื่อนำไปสู่การหยุดยิงชั่วคราวก่อนช่วงรอมฎอนในวันที่ 10 มีนาคมนี้ ซึ่งหากสำเร็จก็จะนำไปสู่การปล่อยตัวประกันชาติต่าง ๆ รวมถึงตัวประกันคนไทยอีก 8 คนที่เหลือด้วย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่า ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ดำเนินการติดต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด เพื่อเน้นย้ำความสำคัญของการเจรจาหยุดยิง และยุติการสู้รบในอิสราเอล-กาซา โดยเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้ออกแถลงการณ์ แสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ในอิสราเอล-กาซา หลังหลังเกิดเหตุการโจมตีเมืองราฟาห์ และเหตุการณ์ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอลเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งส่งผลให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต และมีแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 คน ด้วยความห่วงกังวล ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ ตอกย้ำให้ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วน ในการบรรลุข้อตกลง ที่จะนำไปสู่การยุติความเป็นปรปักษ์ในทันที และความจำเป็นที่ต้องบรรลุสันติภาพบนพื้นฐานของแนวทาง 2 รัฐอย่างยั่งยืน และในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้ ประเทศไทย มีความห่วงกังวลอย่างมากต่อการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่หยุดชะงักลง จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ ในการผลักดันให้การเจรจาเดินหน้า และให้การหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมประสบผลสำเร็จ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม สามารถเข้าไปบรรเทาความทุกข์ยากของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาได้มากขึ้น ประเทศไทย จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การหยุดยิงจะสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ และจะนำไปสู่การปล่อยตัวประกันทั้งหมด ซึ่งรวมถึงตัวประกันชาวไทยด้วย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยด้วยว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญอุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เข้าพบหารือ เพื่อขอความร่วมมือจากฝ่ายอิสราเอลในการดูแลความปลอดภัยของแรงงานไทย ไม่ให้แรงงานไทยไปทำงานในพื้นที่เสี่ยง หลังไทยได้ติดตามสถานการณ์ในอิสราเอล-กาซาด้วยความห่วงกังวล รวมถึงการโจมตีเมืองราฟาห์ และการโจมตีในพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอล ซึ่งผลกระทบต่อแรงงานไทยด้วย พร้อมสอบถามถึงสถานะการมีชีวิตอยู่ของตัวประกันชาวไทย จำนวน 8 คน และย้ำความห่วงกังวลต่อสถานภาพ และความปลอดภัยของตัวประกันคนไทย 8 คน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลไทยประสานกับมิตรประเทศ เพื่อผลักดันให้มีการปล่อยตัวคนไทยทั้ง 8 คนมาอย่างต่อเนื่อง แต่เงื่อนไขสำคัญ คือ การหยุดยิง เพื่อให้ตัวประกันสามารถได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย ดังนั้น ไทยจึงมีความห่วงกังวลอย่างมาก ต่อการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ที่หยุดชะงักลงในช่วงที่ผ่านมา และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้การเจรจาเดินหน้าเพื่อนำไปสู่การหยุดยิง และการปล่อยตัวประกัน เพื่อยุติความสูญเสีย และให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมถึงมือชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาได้มากขึ้น
ขณะที่ อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการหยุดยิง และแจ้งว่า การเจรจามีความคืบหน้าตามลำดับ และจะแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบเมื่อมีพัฒนาการเพิ่มเติม อีกทั้งได้แจ้งด้วยว่า ขณะนี้ สามารถยืนยันจำนวนตัวประกันอิสราเอล ที่เสียชีวิตจากการสู้รบเพิ่มเติมได้แล้วกว่า 30 คน จากจำนวนผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันทั้งหมด 134 คน รวมทั้งย้ำด้วยว่า อิสราเอล จะปฏิบัติต่อผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามของทุกชาติ เช่นเดียวกับคนอิสราเอล และรับจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิ์และสวัสดิภาพของแรงงานไทยอย่างเต็มที่
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยอีกว่า นางพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ที่ได้พบหารือกับฝ่ายอิสราเอลที่ดูแลเรื่องตัวประกันมาอย่างต่อเนื่อง ได้รับแจ้งว่า ยังไม่มีข้อมูลว่า มีตัวประกันคนไทยเสียชีวิตแต่อย่างใด จึงถือว่า คนไทย 8 คน ยังมีความหวังอยู่เสมอ โดยจะรายงานความคืบหน้าให้ได้ทราบต่อไป
©2018 CK News. All rights reserved.