นายกฯ ตรวจพื้นที่ทำโครงการแลนด์บริดจ์ จ.ระนอง


22 ม.ค. 2567, 14:58

นายกฯ ตรวจพื้นที่ทำโครงการแลนด์บริดจ์ จ.ระนอง




วันที่ 22 ม.ค.2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เพื่อติดตามพื้นที่โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง) โดยให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับรายงานโครงการดังกล่าว ว่า  วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาลงพื้นที่บริเวณดังกล่าว และรับฟังการนำเสนอข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรกระทรวงคมนาคม ว่าภาพรวมจะมีการถมทะเลออกไปเท่าไหร่ รวมถึงช่องน้ำเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งจากที่รับฟังรายงานคาดว่าจะมีการตั้งต่อหม้อออกไป โดยอธิบายชัดเจนว่าประชาชนสามารถประกอบอาชีพประมงได้ และได้เห็นศักยภาพตามที่คณะกรรมการโครงการแลนด์บิดจ์นำเสนอขึ้นมา

ส่วนจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วยอย่างไร นายเศรษฐา ระบุว่า เรื่องการทำโครงการใหญ่ๆถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยโดยรัฐบาลก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ ซึ่งวันนี้มีคนมายื่นหนังสือด้วย โดยรัฐบาลรับฟังข้อเป็นห่วงเป็นใหญ่ว่าผลกระทบเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่ารัฐบาลยังขาดการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เพิ่งเริ่ม ขออย่าเพิ่งทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ขอให้รอฟังความคิดเห็นประชาชนก่อน เพราะหากจำได้ 20 ปีที่ผ่านมาเราก็มีโครงการเมกะโปรเจคใหญ่ระดับชาติ คือ สนามบินสุวรรณภูมิที่หนองงูเห่า ซึ่งตอนนั้นมีการถกเถียงกันนานมากว่าจะสร้างสนามบินแห่งที่สองรองจากดอนเมือง และรัฐบาลนายทักษิณอชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเองก็เดินหน้าลุยเต็มตัวจนทำเป็นสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมาได้ และสมัยนั้นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีคมนาคม พร้อมระบุว่า 20-30 ปีที่ผ่านมาเราแทบไม่มีเมกะโปรเจคใหญ่เลย ดังนั้นขอให้ดูว่าประโยชน์ที่ได้รับจากสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 20 ปีที่แล้วมาจนถึงวันนี้มีประโยชน์มหาศาล ทำให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวสำคัญ ดังนั้นหากไม่มีโครงการเหล่านี้ขึ้นมาเราจะไม่มาถึงจุดนี้ พร้อมระบุว่า เป็นธรรมดาที่นานๆจะมีเมกะโปรเจคที ดังนั้นรัฐบาลพร้อมฟังเสียงประชาชนทุกคน ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า โครงการแลนด์บริดจ์เป็นโครงการที่รัฐบาลต้องการทำการเชื่อมต่อระหว่างทะเลอันดามันกับอ่าวไทยเข้าด้วยกัน โดยจะร่นระยะทางการขนถ่ายสินค้าที่ผ่านช่องแคบมะละกา พร้อมย้ำว่าขณะนี้เริ่มมีความหนาแน่น และเริ่มมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ฉะนั้นในเรื่องการขนถ่ายสินค้าจากมุมหนึ่งของโลกไปอีกด้าน ก็ถือว่ามีความอึดอัดพอสมควร เพราะฉะนั้นการที่เราจะสร้างโครงการเมกะโปรเจคที่จะเชื่อมระหว่างฝั่งอันดามันไปทะเลอ่าวไทยส่งต่อไปทั่วโลก ตนถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญซึ่งจะนำความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ อาทิ การขนถ่ายสินค้า การเป็นแรงจูงใจให้บริษัทข้ามชาติหลายบริษัทมาสร้างแหล่งผลิต ส่งออกยกตัวอย่าง เช่น รถยนต์ เครื่องจักรกล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และถ้าหากดูรายละเอียดจริงๆเรื่องการขนขายสินค้าไปทั่วโลก 60% ผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งนี่ถือเป็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่ต้องผลักดันให้ประเทศมีการลงทุนโครงสน้างพื้นฐานใหญ่ๆ

ส่วนโครงการดังกล่าวจะมีการศึกษาก่อนผลักดันดำเนินการหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องศึกษาก่อน และขั้นตอนต่อไปรัฐบาลจะดูแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่การที่เราจะสนับสนุนตรงนี้เราต้องทำควบคู่กับความเจริญทางเศรษฐกิจ พร้อมยืนยันว่า จะต้องมีการศึกษาควบคู่ไปกับการดำเนินการ และฟังความคิดเห็นของประชาชน พร้อมปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะดำเนินการไปก่อนแล้วค่อยมาศึกษา ส่วนจะช้าจะเร็วก็อยู่ที่เสียงเรียกร้องด้วยว่าต้องทำมากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันว่า ต้องทำให้เป็นที่เข้าใจกับทุกฝ่าย

ทั้งนี้ตนมองว่าไม่มีความกังวลในเรื่องการทำความเข้าใจอาชีพของประชาชนในโครงการดังกล่าว แต่มองว่าเป็นโอกาสมากกว่า เพราะแค่พื้นที่ไม่ใช่แค่คนขายสินค้าเพียงอย่างเดียว เรือสำราญก็สามารถเข้ามาเทียบจอดตนจึงเชื่อว่านี่ถือเป็นโอกาสสำคัญไม่ใช่เฉพาะชาวระนอง แต่เป็นโอกาสของจังหวัดแถบฝั่งอันดามันทั้งหลายด้วย ควบคู่ไปกับการพัฒนาภาคใต้ทั้งภูมิภาค อาทิ สนามบินอันดามันที่อยู่ทางตอนเหนือของภูเก็ตที่จะเป็นสนามบินขนาดใหญ่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการทำงานควบคู่กันไปและรัฐบาลก็มีความเชื่อมั่นว่า จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนและคนไทยทั้งประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนชาวภาคใต้ ส่วนเรื่องความมั่นคง ยืนยันว่าเราดูแลครบทุกมิติ 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินมารับหนังสือกับมือจากตัวแทนคนไทยพลัดถิ่น ต.ราชกรูด อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ที่ได้มายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลฟังเสียงของคนในพื้นที่ รวมถึงชะลอโครงการดังกล่าวก่อน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวกับตัวแทนกลุ่มดังกล่าวว่า ไม่ต้องห่วงครับ ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญโครงการแลนด์บริดจ์ แต่ว่าการมีโอกาสก็ต้องมีการให้โอกาสกับคนในพื้นที่ด้วยเหมือนกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกคน จากนั้นตัวแทนกลุ่มดังกล่าวได้กล่าวเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จริงใจรับฟังเสียงของชาวบ้านในพื้นที่ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เดี๋ยวเราจะรับฟังทั้งสองทาง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็เดินทางมาพื้นที่ระนองบ่อย ฉะนั้นไม่ต้องห่วงมีความจริงใจอยู่แล้ว





คำที่เกี่ยวข้อง : #นายกรัฐมนตรี  









©2018 CK News. All rights reserved.