วันที่ 28 ธ.ค.2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปทส. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผบก.ปทส. และ พ.ต.อ.ณัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ยศวัฒน์ เอกกุล สว.กก.4 บก.ปทส.,ร.ต.อ.จิรายุ อิ่นแก้ว รอง สว.(สอบสวน) กก. 4 บก.ปทส. และ ด.ต.คมชาญ เหรียญทอง ผบ.หมู่ กก.4 บก.ปทส.
ร่วมกันจับกุม นายวีรพันธ์ เดชปัญญา อายุ 64 ปี เจ้าของโฉนดที่ดิน/เจ้าของกิจการฯ ตามพ.ร.บ.การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และพ.ร.บ.การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 43/2 ประกอบมาตรา 58/1 ฐาน “ดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือหาประโยชน์จากการจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”และพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 19 ประกอบมาตรา 71 ฐาน “ดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอยโดยทำเป็นธุรกิจ หรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น”
พร้อมด้วยของกลาง
1.ป้ายไวนิล แสดงรายการค่ากำจัด/ทิ้งขยะ ขนาด 1.00 X 1.00 เมตร จำนวน 1 แผ่น สถานที่จับกุม พื้นที่บ้านป่าบง หมู่ 4 ต.แม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จว.เชียงใหม่
พฤติการณ์ ตามนโยบายของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการปราบปรามการลักลอบการกระทำความผิดกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ตามมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เพื่อยกระดับการเตรียมพร้อมป้องกัน ปี 2567 ขานรับนโยบายรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ภาคเหนือประกอบกับเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผู้หวังดีต่อทางราชการ แจ้งว่า “ในพื้นที่บ้านป่าบง หมู่ 4 ต.แม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จว.เชียงใหม่ มีบุคคลได้นำบ่อดินเก่า/ร้าง ใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอยโดยทำเป็นธุรกิจ บ่อขยะดังกล่าวอยู่ติดกับป่าช้าและใกล้กับศูนย์อนุบาลเด็กเล็ก บ่อขยะดังกล่าวก่อมลพิษและมลภาวะแก่ประชาชน ราษฎร์ที่มีบ้านเรือนปลูกสร้างอยู่บริเวณดังกล่าว ชาวบ้านได้รับมลพิษทางกลิ่นจากขยะสะสม มลพิษทางอากาศที่มีสารเจือปนอาจจะทําให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ อนามัยของมนุษย์ สัตว์ พืช”
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2566 เจ้าหน้าที่ กก.๔ บก.ปทส.ชุดปฏิบัติการประจำจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว เมื่อไปถึงพบสถานที่ดังกล่าวมีการดำเนินกิจการอยู่จริง มีรถบรรทุกหลายประเภทขับขี่เข้าไปทิ้งขยะยังบ่ออย่างต่อเนื่อง ด้านหน้าพบป้ายแสดงราคา “ค่าทิ้งลงบ่อ 6 ล้อ 120 บาท,ดั้ม 100 บาท กระบะ 80 บาท (จ่ายสดเท่านั้น) พร้อมเพย์ 085-708xxxx” สภาพพบมีขยะ สิ่งปฏิกูล มูลฝอยประเภทต่าง ๆ กองอยู่เป็นจำนวนมาก พบขยะครัวเรือนประเภทต่างๆ อาทิ เช่น ถุงพลาสติก ขวดแก้ว เศษแก้ว ไม้ เศษไม้ เศษขี่เลื่อย เศษสิ่งปรักหักพัง (อิฐ,ปูน) เครื่องนอน ผ้า เหล็ก เศษวัสดุ ภาชนะที่ใส่อาหาร เศษอาหาร เป็นต้น ถูกนำมาทิ้งกระจัดกระจายกองอยู่เต็มพื้นที่ตลอดอาณาเขตที่ดิน การทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล และมูลฝอยดังกล่าว โดยไม่มีการบริหารจัดการให้ดีจนทำให้บ่อน้ำขนาดใหญ่ในบริเวณดังกล่าวเน่าเสียเป็นสีดำอย่างเห็นได้ชัด พื้นที่บริเวณรอบ ๆ ที่รับทิ้งขยะ/บ่อขยะ มีบ้านเรือนของประชาชนปลูกสร้างอยู่ลักษณะเป็นหมู่บ้าน
ต่อมาผู้ต้องหาได้เข้ามาแสดงตัวพร้อมโฉนดที่ดินและรับว่าเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวซึ่งมีพื้นที่กว่า 18 ไร่ และไม่ได้ดำเนินการขออนุญาตกับหน่วยการที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด สอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าขยะ สิ่งปฏิกูล มูลฝอยดังกล่าวนี้ตนรับซื้อ มาจากพื้นที่อื่นเพื่อนำมาถมแปลงที่ดินซึ่งเดิมเป็นบ่อตกปลาเพื่อปรับระดับพื้นที่
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือหาประโยชน์จากการจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอยสะเก็ด ดำเนินคดีต่อไป ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เตือนภัย การรับทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล มูลฝอย ในที่ดินของตนจะต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น และต้องจัดให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนดให้ปฏิบัติ หากไม่มีการบริหารจัดการให้ดี นอกจากจะก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนแล้ว การกระทำดังกล่าวยังเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและเป็นแหล่งกระจายเชื้อโรคได้ เจ้าของที่ดิน หรือผู้ดูแลควรจะจัดการให้ถูกต้องตามกฎหมายและถูกสุขอนามัยด้วย เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนในสังคมพื้นที่นั้นๆเป็นสำคัญ
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะได้เดินหน้าตรวจสอบ จับกุม การกระทำความผิดต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป
©2018 CK News. All rights reserved.