วันที่ 4 พ.ย.2566 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.พิชชภัตฯ อายุ 34 ปี ในพื้นที่ต.ในเมือง อ.เมือง จว.ขอนแก่น
พฤติการณ์
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ก.ย.66 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม “ปฏิบัติการทลายเครือข่ายพนันออนไลน์ Fat Fast” เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าว ที่ ใน 52 จุดทั่วประเทศไทย จากกรณีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่เครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่าย FATFAST ชักชวน ให้เล่นการพนันอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยเฉพาะในกลุ่มของเด็กและเยาวชน รวมถึงคนทั่วไป จนทำให้เกิดหนี้สินจากการพนันจำนวนมาก ส่งผลให้มีการก่ออาชญากรรมอื่นตามมา จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวได้ทั้งสิ้น จำนวน 31 คน ตั้งแต่ฝ่ายบัญชี ฝ่ายการเงิน ฝ่ายโฆษณา คนจัดหาบัญชีม้า เจ้าของบัญชี ไปจนถึงฝ่ายบริหาร ตรวจยึดของกลางได้หลายรายการ เงินสด, บัตรเอทีเอ็ม, สมุดบัญชีธนาคารกว่า 200 รายการ, โทรศัพท์มือถือ 41 เครื่อง, คอมพิวเตอร์, อาวุธปืน และทรัพย์สินอีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 460 ล้านบาท จึงนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมทั่วประเทศดังกล่าว ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนติดตามจับกุมต่อไป
พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. ทำการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีมาดำเนินคดีแต่โดยเร็ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.พิชชภัตฯ กลุ่มบัญชีม้า 1 ใน ผู้ต้องหาที่หลบหนี ได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จว.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนลงพื้นที่ โดยพ.ต.ท.ศราวุธ ทองน้อย สว.กก.3 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำกำลังลงพื้นที่เข้าทำการตรวจค้นจับกุมและพบ น.ส.พิชชภัตฯ อยู่ในบริเวณบ้านหลังดังกล่าวจริง ทำการจับกุมและรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับตามหมายจับดังกล่าวข้างต้นมาก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว น.ส.พิชชภัตฯ ส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ตำรวจสอบสวนกลาง ขอฝากเตือนไปถึงผู้ที่รับเปิดบัญชีม้า ไม่ว่าจะเป็นกรณีกลุ่มอาชญากรขอซื้อบัญชีให้ไปใช้ หรือถูกชักชวนให้มีการเปิดบัญชี เพื่อแลกกับเงินค่าตอบแทน ท่านอาจจะถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนกระทำความผิด และความผิดฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มีอัตราโทษตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 10,000 – 200,000 บาท
©2018 CK News. All rights reserved.