วันที่ 1 พ.ย.2566 จากสถิติของกรมกิจการเพื่อผู้สูงอายุ รายงานว่า ในปี 2565 ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แล้ว โดยมีประชากรผู้สูงอายุที่มากถึง 18.3% ของประชากรทั้งหมด เมื่อก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ภาวะการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและสังคมเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด โดยเฉพาะ“ภาวะสมองเสื่อม” เป็นปัญหาสุขภาพที่หลาย ๆ คนกังวล เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะควบคุมการทำงานส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และยังช่วยควบคุมอารมณ์ ความรู้สึก และการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างด้วย ดังนั้นการเจ็บป่วยของสมองจึงไม่ได้ส่งผลแค่ร่างกาย แต่ยังส่งผลต่อการดำรงชีวิตในชีวิต
มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จึงได้จัดเสวนาวิชาการ “รับมือสังคมสูงวัย ด้วยสมุนไพรชะลอสมองเสื่อม“ ขึ้น ในวันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์การค้า เกทเวย์ แอท บางซื่อ (Gateway at Bangsue) ชั้น 1 ตรงข้ามโรงพยาบาลบางโพ กรุงเทพมหานคร โดยการเสวนาที่จัดขึ้นนี้ มุ่งเน้นให้ประชาชนรู้จักและเข้าใจภาวะสมองเสื่อม และการดูแลป้องกันอย่างเป็นองค์รวม รวมถึงส่งเสริมให้มีการนำสมุนไพรมาใช้อย่างปลอดภัย และได้ผลในการชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม บนหลักฐานทางวิชาการที่ทันสมัย
ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า จากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรผู้สูงอายุในโลก ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวทุก 20 ปี และในปี 2050 จะมีจำนวนผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมเกิน 100 ล้านคนทั่วโลก ขณะเดียวกัน ทางมูลนิธิ ฯ เองก็ได้รับคำถามเรื่องสมุนไพรกับการป้องกันภาวะสมองเสื่อมในหลากหลายประเด็น ทั้งเรื่องของความปลอดภัย ประสิทธิผล และคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด จึงได้จัดเสวนาครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจกับประชาชนผู้สนใจ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ถึงทางเลือกในการดูแลภาวะสมองเสื่อมอย่างเป็นองค์รวม ส่วนสมุนไพรนั้นมีบทบาททั้งการเป็นอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันและชะลอการเสื่อมของเซลล์สมอง ซึ่งในการเสวนาครั้งนี้เราจะมีทีมนักวิจัยที่ทำวิจัยตำรับสมุนไพร “อภัยบี” ชะลอสมองเสื่อม โดยเฉพาะกลไกการป้องกันและชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โรคยอดฮิตที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมอันดับต้นๆ และทีมเภสัชกรที่ทำหน้าที่ในการวิจัยและพัฒนาตำรับสมุนไพรเพื่อสมอง รวมถึงผู้ป่วยที่มีประสบการณ์ในการใช้สมุนไพรเพื่อบรรเทาอาการที่ส่งผลให้เซลล์สมองเสื่อมถอยลง ทั้งภาวะนอนหลับไม่มีคุณภาพ ความเครียดวิตกกังวล และความจำไม่ดี
อย่างไรก็ตาม ดร.สุภาภรณ์ ย้ำว่า ในปัจจุบันมีคำแนะนำในการป้องกันภาวะสมองเสื่อมแบบองค์รวม ซึ่งนับว่าเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุดที่สุด ได้แก่ การงดบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาที่มีผลให้นอนหลับ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การหลีกเลี่ยงความเครียด การป้องกันการอุบัติเหตุที่ศีรษะ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หวานจัด และเค็มจัด รวมถึงการฝึกสมองให้เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ แต่อย่างไรก็ตามในระยะหลังก็เริ่มมีงานวิจัยถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ ในการป้องกันและชะลอภาวะสมองเสื่อม ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยเชิงระบาดวิทยาที่ติดตามชีวิตผู้คน พบว่า อัตราการเกิดอัลไซเมอร์ในประเทศอินเดียอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสัมพันธ์กับการบริโภคขมิ้นชันของคนอินเดีย หรือ การวิจัยที่พยว่าการเสริมบัวบกร่วมกับการออกกำลังกายช่วยเสริมสมรรถนะความจำให้ดีขึ้น ซึ่งงานวิจัยเหล่านี้ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมากยิ่งขึ้น แต่ในมุมมองของผู้บริโภคก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นว่า จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เมื่อใดและอย่างไร และหากใช้เป็นเวลานานจะปลอดภัยหรือไม่
“ดังนั้น ในงานเสวนาครั้งนี้เราจะนำหลักฐานงานวิจัยทั่วโลกมาเปิดเผยและให้คำแนะนำที่เหมาะสมในการใช้ เพื่อตอบโจทย์การพึ่งตนเองของประชาชนและสังคมไทย และหากจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์จะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้อย่างไร โดยแบ่งการใช้ประโยชน์ของสมุนไพรเป็นสองส่วน คือ ใช้เป็นส่วนหนึ่งของอาหาร และใช้เมื่อมีความเสี่ยงต่อสมองเสื่อม ซึ่งในงานจะมีเครื่องมือแนะนำในการค้นหาความเสี่ยงต่อการเกิดสมองเสื่อม เพื่อให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องด้วย ซึ่งปัญหาที่เราพบในปัจจุบันคือ มีงานวิจัยด้านสมุนไพรมากมาย แต่งานจำนวนมากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเพาะมาทดสอบ ทำให้ผู้บริโภคต้องไปซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเพาะที่ระบุในงานวิจัยนั้นๆ มาใช้และไม่สามารถทำเองได้ ในงานนี้เราจะมีทีมเภสัชกรมาย่อยงานวิจัยให้เข้าใจง่าย นำไปใช้ประโยชน์ให้เกิดผลที่ดีต่อสุขภาพ บนพื้นฐานความปลอดภัย” ดร.สุภาภรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อการดูแลสมอง ทั้งการปรุงน้ำสมุนไพรบำรุงสมองที่กินได้ทั้งครอบครัว การออกกำลังกายด้วยตาราง 9 ช่องที่ช่วยทั้งฝึกความจำและทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว การทำพิมเสนน้ำสมุนไพรเพื่อช่วยผ่อนคลาย ให้หลับง่ายขึ้น รวมถึงสวนสมุนไพรบำรุงสมองที่มีสมุนไพรที่หลาหลาย ให้คนมาเห็น มาสัมผัส มาเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งบัวบก ที่เรารวบรวมสายพันธุ์ที่หลากหลายมาจากทั่วประเทศ บัวหลวงสีชมพู และ พริกไทย ซึ่งทั้งสองเป็นวัตถุดิบของอภัยบี ตำรับบำรุงสมอง ที่มีการใช้ในองค์ความรู้ดั้งเดิมของทั้งไทยและอินเดีย ข้าว ที่ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนในการบำรุงสมอง ช่วยให้นอนหลับ ขมิ้นชัน เครื่องเทศที่คนรู้จัก ที่ปัจจุบันมีความน่าสนใจในการนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหารป้องกันอัลไซเมอร์ ไข่เน่า ที่มีความรู้พื้นบ้านใช้เพื่อบำรุงสมอง โดยเฉพาะในเด็ก รวมถึง บอระเพ็ด ชุมเห็ดไทย เล็บครุฑ หม่อน และกะทกรก ที่ต่างก็มีการวิจัยและผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในต่างประเทศแล้ว
เลขาธิการมูลนิธิรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวด้วยว่า สำหรับการเสวนาครั้งนี้เปิดให้ประชาชนผู้สนใจเข้าฟังลงทะเบียนล่วงหน้า 100 ท่าน ผ่านทางคิวอาร์โค้ดลงทะเบียน หรือ คลิก https://forms.gle/BzmFJb9YfkjsxYbj7โดยผู้ที่ลงทะเบียนมาก่อน จะสามารถมาทำกิจกรรมพิมเสนน้ำสมุนไพรเพื่อคลายกังวล หลับสบาย และรับต้นพันธุ์บัวบก สายพันธุ์ศาลายา ที่มีการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ให้มีต้นใหญ่ขึ้น ปลูกแล้วได้ผลผลิตและสารสำคัญมากขึ้นถึง 5 เท่า ของสายพันธุ์ปกติฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หากลงทะเบียนไม่ทันก็ยังสามารถมาร่วมกิจกรรมกับเราได้ตามวันและเวลาที่ได้แจ้งไปแล้ว รับรองว่ามาแล้วจะไม่ผิดหวัง เพราะเราได้เตรียมการกับงานนี้มาหลายปี จนวันนี้ที่เป็นช่วงเวลาที่ลงตัวที่สุดในการพูด เพราะเราได้ก้าวขึ้นสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว และเราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราจะเรียนรู้และอยู่อย่างไร นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราจัดงานเสวนาครั้งนี้ขึ้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร เบอร์.037-211289 ในวันและเวลาราชการ 08.30 – 16.30 เป็นต้นไป
©2018 CK News. All rights reserved.