วันที่ 27 ก.ย. 2566 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (ผบช.กมค.) กล่าวถึงความคืบหน้า คดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งปรากฎ 8 ผู้ต้องหา เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) และกรณีการเข้าตรวจค้นบ้านพักของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา
วันนี้คณะทำงานจะประชุมหารือกัน เพื่อขยายผลต่อไปยัง ทั้งพลเรือน,ตำรวจและทหาร จากกลุ่มผู้ต้องหาที่มีการจับกุ
ม โดยในส่วน “เสี่ยแต๋ม และภรรยา” ที่ข้อมูลระบุว่า เป็นเจ้าของบ้านที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เช่าให้ผู้ใต้บังคับบัญชาพั
กอาศัย อาจมีการเรียกมาสอบถามข้อมูลเพิ่
มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงกั
บผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิ
จของพนักงานสอบสวน
ส่วนข้อมูลที่ระบุว่า บุคคลในครอบครัวของ “เสี่ยแต๋ม” อยู่ในชุดทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ยังไม่รู้ข้อมูลส่วนนี้ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่
จะทำงานขยายผลต่อไปจนทราบข้อเท็
จจริง
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังคงยืนยันว่า ผู้ต้องหาที่เป็น 8 นายตำรวจ ยังให้การไม่เป็นประโยชน์ และปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของพนั
กงานสอบสวนที่จะต้องสืบหาข้อเท็
จจริงต่อไป
ส่วนการเรียกสอบกลุ่มสื่อมวลชน พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ตนขอให้มองกลุ่มนี้เป็นในส่
วนพลเรือน มีบางรายที่เจ้าหน้าที่เองก็มี
ข้อมูลว่าเป็นสื่อมวลชน หรือ รู้เองในวงการว่ารายชื่อดังกล่
าวเป็นสื่อมวลชน กลุ่มนี้จะมีการเรี
ยกสอบในฐานะที่มีเส้นทางการเงิ
นเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของกลุ่
มผู้ต้องหาที่มีการจับกุม ส่วนการรับเงินโดยตรงจากบัญชีอื่
นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี ก็ถือว่า ไม่ได้มีความผิด
เมื่อถามถึงความกังวล กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตั้งทนายเตรียมฟ้องกลับฐานปฏิบั
ติหน้าที่โดยไม่ชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ประการแรก ต้องให้ความเป็นธรรมกับชุดสื
บสวนสอบสวนและชุดจับกุมก่อน ตนยืนยันว่า ในทุกขั้นตอนและกระบวนการเป็
นไปอย่างถูกต้อง ตามหลักขั้นตอนของกฎหมาย
ตามปกติแล้ว หากผู้ต้องหา หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องต้
องการยื่นฟ้องกลับตำรวจ ในข้อหา ม.157 ก็สามารถทำได้ เป็นสิทธิ์ของบุคคลเหล่านั้น แต่เจ้าหน้าที่เองที่ปฏิบัติงาน ก็ต้องมั่นใจว่าทำหน้าที่อย่
างถูกต้อง ครบถ้วน รอบคอบ ตนขอย้ำว่าคดีเว็บไซต์พนันไม่
ได้กระทำแค่วานนี้ แต่เป็นการกระทำต่อเนื่องมาตั้
งแต่กรณีของ“บอสตาล” และ “มินนี่” จึงเชื่อได้ว่าข้อมูลหลักฐานรั
ดกุม
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวชี้แจงการออกหมายจับ 8 นายตำรวจ ที่ไม่ระบุยศ แต่เป็นการใส่คำนำหน้านายแทน ในส่วนนี้ตามข้อกฎหมายไม่ได้
ระบุว่า จะต้องใส่ตำแหน่งหน้าที่การงาน เพียงแต่ให้ใส่ในส่วนของชื่
อและรูปพรรณ โดยตนสอบถามชุดจับกุมแล้ว ทราบว่าได้ให้การต่อศาลในระหว่
างออกหมายจับว่า บุคคลตามหมาย ประกอบหน้าที่อะไร ไม่ได้ปิดบัง และการออกหมายเป็นการอนุมัติ
ตามพยานหลักฐาน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชุ
ดทำงานของตนออกหมายจับตำรวจ ด้วยการใช้สรรพนามว่า “นาย” แต่สำหรับการทำงานของตนมองว่
าการดำเนินคดีกับบุคคลที่
ประกอบอาชีพเป็นตำรวจบางครั้
งเราก็ต้องยึดถึงเกียรติอาชี
พหน้าที่ การที่ตัดสินใจไม่ใช้ยศตำรวจถื
อเป็นการป้องกันเกียรติยศศักดิ์
ศรีความเป็นตำรวจ
ส่วนที่สังคมตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจไม่จัดการภายในองค์กร ต้องทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต เรื่องนี้ ตนขอย้ำว่า ไม่ว่าตำรวจชุดไหน กลุ่มไหน หากเป็นผู้ต้องหาที่มี
การกระทำความผิด องค์กรตำรวจก็จะไม่ปกป้องจะต้
องดำเนินคดี ถ้ามีการไปคุยกันเองก่อนจะดำเนิ
นคดีอย่างนี้ถึงจะเรียกว่า “ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ”
เมื่อถามว่า หากหลังจากนี้จะมีกลุ่มผู้ต้
องหาออกมาชี้แจงจะถือเป็นการยุ่
งเหยิงกับพยานหลักฐาน จนต้องขอยื่นคัดค้านการประกั
นหรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ก็ต้องดูพฤติการณ์
และเจตนาของการกระทำ หากเป็นการชี้นำ และทำให้พยานหลักฐานในคดี
กระทบพนักงานสอบสวน ก็จะใช้ดุลยพินิจเพิ
กถอนการประกันตัวชั่วคราว แต่หากเป็นการแสดงความคิดเห็
นตามปกติ ก็สามารถทำได้ เป็นสิทธิ์ของบุคคลนั้น