จากกรณี ศาลฎีกา มีคำพิพากษาถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิตของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ด้วยฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากโพสต์พาดพิงสถาบันในโซเชียลมีเดียเมื่อ 13 ปีที่แล้วนั้น
วันที่ 21 ก.ย.2566 นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่า คดีของ น.ส.พรรณิการ์ สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้นั้น เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน โดยคดีที่กล่าวหากระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงนั้น เมื่อมีการฟ้องคดีต่อศาลฎีกา และศาลฎีกามีคำวินิจฉัยใดแล้วผลนั้น ถือเป็นอันสิ้นสุดตามกฎหมาย ยื่นอุทธรณ์ไม่ได้
ส่วนที่มีอดีต สส. รวมถึงสส.บางรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมในการถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตของ น.ส.พรรณิการ์ จากความผิดเกี่ยวกับการฝ่าฝืนจริยธรรมนั้น นายสรวิศ ยืนยันว่า เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ เพราะศาลมีหน้าที่พิพากษาและบังคับใช้กฎหมายตามที่กฎหมายกำหนด ไม่สามารถพิพากษาให้แตกต่างไปได้ หากมองว่าผลที่ตามมาไม่ควรถึงขั้นตัดสิทธิทางการเมือง ก็จะต้องไปเปลี่ยนที่กฎหมายก่อน
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ น.ส.พรรณิการ์ กรณีโพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊กที่ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันฯ เป็นพฤติการณ์หรือการกระทำที่ส่อไปในทางขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
จากนั้น ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูลเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2565 ว่า น.ส.พรรณิการ์ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ที่บังคับใช้กับ สส.
©2018 CK News. All rights reserved.