วันที่ 16 ก.ย. 2566 พ.ต.อ.ชัยพันธ์ เพ็ชรสดศิลป์ ผกก.สน.ภาษีเจริญ สั่งการให้ พ.ต.ท.ธนภัทร เวศกาวี สว.สส. นำกำลังฝ่ายสืบสวน สน.ภาษีเจริญจับกุมนายดลธชา หัวใจสุข อายุ 36 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรีที่ 729/2566 ลงวันที่ 15 ก.ย.66 และนายสมบัติ อยู่เจริญ อายุ 42 ปีตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรี ที่ 730/2566 ลงวันที่ 15 ก.ย. 66 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป” ก่อนนำตัวไปตรวจค้นบริเวณห้องเลขที่ 123/65 ตึก 3 เคหะชุมชนพระร่วงประสิทธิ์ แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.
พบของกลางหลายรายการ อาทิ ตู้โชว์ไม้สีน้ำตาลพร้อมพระเครื่อง จำนวนหนึ่ง จำนวน 1 ตู้ ,นาฬิกาไม้ทรงเสาชิงช้า จำนวน 1 อัน , กระเป๋าสะพายขนาดใหญ่ สีฟ้า ภายในบรรจุพระเครื่องจำนวนหนึ่ง จำนวน 1 ใบ , พระโลหะปางลีลาวดี ความยาวประมาณ 1 ฟุต จำนวน 1 องค์ , พระรุทธรูป หลวงพ่อพุทธนิมิต สีทอง จำนวน 1 องค์ , ป้ายโชว์ธนบัตรรัฐบาลไทย จำนวน 1 อัน , ถุงพลาสติกบรรจุผ้ายันต์ จำนวน 1 ใบ, กล้องถ่ายรูป ยี่ห้อ Canon จำนวน 1 อัน , กล้องถ่ายรูป ยี่ห้อ TLS จำนวน 1 อัน , กระเป่าสะพายขนาดใหญ่ สีน้ำตาล ภายในบรรจุพระเครื่องจำนวนหนึ่ง จำนวน 1 ใบ , ตลับแสตนเลสขนาดเล็ก จำนวน 1 อัน, พระผงของขวัญมหามงคล จำนวน 1 ตลับ ,โน้ตบุ้ค ยี่ห้อฟูจิตสึ สีเทาดำ จำนวน 1 เครื่อง , โน้ตบุ้ค ยี่ห้อคอมแพค สีดำ จำนวน 1 เครื่อง, กระเป่าสะพายแบบผู้หญิง ยี่ห้อ Louis Vuitton สีเหลือง จำนวน 1 ใบกระเป่าหนังแบบสะพายขนาดเล็ก สีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ , กล่องไม้ มีตัวอักษร THE ORANGERY ภายในบรรจุพระเครื่องจำนวนหนึ่ง จำนวน 1 กล่อง, พระพุทธรูป สีดำ จำนวน 1 องค์ ฯ และตรวจยึดรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า แคมรี่ สีเทา ทะเบียน วก 7943 กรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน ได้ที่บริเวณ
ลานจอดรถเคหะชุมชนพรพระร่วงประสิทธิ์ แขวงออเงิน เขตสายไหม
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม ปี 2566 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าถูกคนร้าย ก่อเหตุลักทรัพย์ ภายในบ้านพักแห่งหนึ่งในซอยเพชรเกษม 48 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพ ต่อมาฝ่ายสืบสวน จึงทำการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายแต่งกายสวมโม่ง ปิดบังใบหน้ามิดชิด แต่งกายชุดดำ จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือนายดลธชา และนายสมบัติ จึงเดินทางไปขอศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับ กระทั่งติดตามไปจับกุมตัวได้ที่ย่านสายไหม
จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ลงมือก่อเหตุจริง พร้อมให้การว่า ก่อนเกิดเหตุจะวนนดูลาดเลาตามหมู่บ้าน โดยจะเลือกเป้าหมายบ้านที่ปิดไฟมืดและมีต้นไม้ปกคลุม โดยสาเหตุที่ลงมือเพราะไม่มีงานทำ ต้องการหาเงินไปใช้เที่ยวเตร่จึงต้องออกตระเวนลักทรัพย์ ส่วนทรัพย์สินของกลางที่ตรวจพบในห้องผู้ต้องหานั้น จำไม่ได้ว่าลักมาจากพื้นที่ใดบ้าง โดยหลังจากที่ได้ทรัพย์สินมาจะนำของกลางบางส่วนไปขายย่านคันนายาว นอกจากนี้ก่อเหตุมาหลายครั้งทั่วพื้นที่ กทม. เนื่องจากพบประวัติเคยต้องคดีทั้งลักทรัพย์ และ ปล้นทรัพย์ โดยหลังจากออกจากคุก ได้ใช้ฆ้อนทุบกำไร อีเอ็ม ที่ข้อเท้าเพื่อหลบหนีศาล
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
©2018 CK News. All rights reserved.