วันที่ 29 ส.ค.2566 พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงข่าวจับกุม3 คดีดังนี้
1.บก.สส.สตม.รวบชาวจีนสามีภรรยาหลอกระดมทุน หนีหมายจับ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. พิจารณาดำเนินการกรณี สาธารณรัฐประชาชนจีน มีหนังสือมายังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้จับกุมตัว นายหวาง (นามสมมติ) และนางชาง สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับ สาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อหา ฉ้อโกงลักษณะอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยผู้ต้องหาได้จัดตั้งบริษัทระดมทุนชื่อว่า“Tianjin Wusetu” หลอกให้ผู้เสียหายร่วมระดมลงทุนและแอบอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าปกติ ซึ่งมีผู้เสียหายในเมืองปักกิ่งและเทียนจินตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท
จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบสารสนเทศ ตม. พบว่านายหวางและนางชาง เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวและการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม. จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้วขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวังไว้ บก.สส.สตม. จึงได้สืบสวนติดตามตัวนายหวางและนางชางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสืบสวนพบว่านายหวางและนางชางได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 4 ปี ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งเมืองพัทยา จว.ชลบุรี ส่วนนางชางปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่า เขตวังทองหลาง กทม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ติดตามเฝ้าดูบริเวณที่พักอาศัยจนพบบุคคลลักษณะคล้ายนายหวางบริเวณหน้าโรงแรมที่พัทยา จว.ชลบุรี ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้นายหวางรับทราบ พร้อมยึดรถยนต์เบนซ์ที่มีชื่อนางชางเป็นเจ้าของรถ จำนวน 1 คัน
ส่วนนางชาง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ขอศาลอาญาอนุมัติหมายค้นบ้านเช่าของนางชาง จนพบนางชางอาศัยอยู่ภายในบ้านกับแฟนใหม่ชาวจีน ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้รับทราบ และควบคุมตัวบุคคลทั้งสองรายนำส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
2. สืบ ตม. รวบสาวแดนมังกรผู้ต้องหาบัญชีม้าแก๊งพนันออนไลน์
สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มีหนังสือมายังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งข้อมูลนางมิน (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ปกปิดทรัพย์สินที่เป็นผลได้จากการกระทำความผิด จากการสืบสวนของตำรวจเมืองฮูเป่ยพบว่าตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 (ค.ศ. 2019) เป็นต้นมา นางสาวมิน ทราบว่านายเจิ้ง (นามสมมติ) สามีของตน ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์ "Kaka Bay Casino" มีฐานที่ตั้งอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังมอบบัญชีธนาคารของตนเองให้กับนายเจิ้ง เพื่อให้โอนเงินที่ได้รับจากการทำพนันออนไลน์ จำนวนเงินกว่า 120 ล้านหยวน (600 ล้านบาท) เข้าบัญชีของตนเอง โดยนางมินได้นำเงินดังกล่าวไปซื้อรถยนต์และใช้จ่ายส่วนตัวที่ประเทศจีน ตำรวจเมืองฮูเป่ยจึงสืบสวนปราบปรามเพื่อนำตัวนางมินมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาสืบสวนทราบว่านางมินได้หลบหนีมายังประเทศไทยและนายเจิ้งหลบหนีไปยังประเทศสิงคโปร์
จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นางมิน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วย วีซ่าคนอยู่ชั่วคราว (Non-Immigrant Visa)
และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากพิจารณา เห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ผบก.สส.สตม.จึงได้อนุมัติการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนางมิน และได้สั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามตัวนางมิน เพื่อนำตัวมาดำเนินการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ระดมกำลังสืบสวนติดตามนางมินตามย่านที่พักอาศัยและสถานที่ท่องเที่ยวของชาวจีนทั้งในกทม.และต่างจังหวัด จนกระทั่งต่อมาทราบว่านางมิน จะเดินทางไปขอวีซ่าที่สำนักงานวีซ่าและหนังสือเดินทางในอาคารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท 13 กทม. เพื่อจะเดินทางไปประเทศอังกฤษ จึงไปตรวจสอบจนพบตัวนางมินและแจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ได้รับทราบ และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อรอการส่งกลับไปดำเนินคดี ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป
3.จับหนุ่มเมืองกิมจิ OVERSTAY หนีหมายจับกบดานไทย
ผบก.สส.สตม. ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการประชาสัมพันธ์การแจ้งคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยในเคหสถาน/โรงแรม ตามมาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และเร่งรัดจับกุมคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด หรือ OVERSTAY ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. ออกสืบสวนหาข่าวในพื้นที่ ได้พบชายซึ่งมีลักษณะคล้ายคนต่างด้าวบริเวณหน้าบ้านพักอาศัยภายในซอยเคหะร่มเกล้า 19 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางและข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่านายจีซอง (นามสมมติ) อายุ 37 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2564 ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 3 ก.ย.2565 ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด เป็นเวลา 347 วัน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร โดยการอนุญาตสิ้นสุด และจับกุมนำตัวส่ง พงส.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย และเปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านซึ่งรับนายจีซองให้เข้าพักอาศัยในข้อหา เจ้าบ้าน เจ้าของ หรือผู้ครอบครองเคหสถาน หรือผู้จัดการโรงแรม รับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัยแล้วไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเกิดความสงสัยว่าเหตุใดนายจีซองจึงอยู่ในประเทศไทยโดย OVERSTAY เป็นเวลานาน จึง ได้ประสานสอบถามไปยังทางการเกาหลีใต้ในประเทศไทย ทราบว่า นายจีซองเป็นผู้ต้องหาสำคัญที่ทางการเกาหลีใต้ ได้ออกหมายจับและต้องการตัวกลับไปดำเนินคดีในข้อหา ลักลอบนำเข้ายาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน น้ำหนัก 997.01 กรัม) โดยผิดกฎหมาย และเป็นบุคคลตามประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice) จึงน่าจะเป็นเหตุให้นายจีซองอยู่ในประเทศไทยโดย OVERSTAY เพื่อหลบหนีคดีดังกล่าว
©2018 CK News. All rights reserved.