“ประสิทธิ์ชัย” ฟาด ชูวิทย์-พิธา บิดเบือนข้อมูลกัญชา เดินหน้าชวนปชช.ร่วมเขียน พ.ร.บ.กัญชา


13 ส.ค. 2566, 16:00

“ประสิทธิ์ชัย” ฟาด ชูวิทย์-พิธา บิดเบือนข้อมูลกัญชา เดินหน้าชวนปชช.ร่วมเขียน พ.ร.บ.กัญชา




วันที่ 13 ส.ค. 2566 นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชา ประชุมร่วมกับแกนนำเครือข่าย ประกอบด้วย นายอัครเดช ฉากจินดา นางสาวช่อขวัญ ช่อผกา นายฟาริส พิศสุวรรณ และนายธนภัทร เลิศเกียรติอนันต์ เพื่อหารือกันถึงสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.กัญชา เพื่อจัดทำหลักการของ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา โดยเบื้องต้นเครือข่ายฯ มีบทสรุปที่สำคัญสำหรับการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการเขียน พ.ร.บ.กัญชา 3 ประการคือ 1. เพื่อสิทธิความมั่นคงทางยาในครัวเรือน 2.เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์สำหรับการรักษาผู้ป่วยทั้งในระบบการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนอื่น 3.เพื่อการศึกษาวิจัยและพัฒนากัญชาให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม การพัฒนาสายพันธุ์ 

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวถึงหลักการสำคัญของสาระในร่าง พ.ร.บ.กัญชา ว่า สรุปได้ 8 ข้อได้แก่ 
1.กฎหมายบับนี้มีเป้าหมายเพื่อให้กัญชาเป็นสิทธิพื้นฐานของครัวเรือนเพื่อความมั่นคงทางยาและสร้างกลไกเชิงระบบในการควบคุมการใช้กัญชาให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นธรรมและสร้างกลไกการคุ้มครองผู้บริโภค เด็กและเยาวชน 
2.การปลูกกัญชาทุกต้นในประเทศไทยอยู่ภายใต้ระบบใบอนุญาตโดยแยกการอนุญาตระหว่างการปลูกในครัวเรือนซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานกับการปลูกเพื่อขายสำหรับประโยชน์ทางสุขภาพและเศรษฐกิจ
3.การสกัด การแปรรูป กัญชาต้องมีใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.กัญชาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
4.ผู้ที่ปลูกกัญชาได้จะต้องมีสัญชาติไทยหากเป็นนิติบุคคลจะต้องมีสัญญาติไทยและมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศไทย รวมถึงวิสาหกิจชุมชน และหน่วยงานของรัฐที่มีภารกิจเกี่ยวข้อง
5.ให้สิทธิกับสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล เพื่อปลูกกัญชาปรุงยาให้ผู้ป่วยเฉพาะรายได้
6.การขายช่อดอกกัญชาจะกระทำได้จะต้องมีใบอนุญาตและมีการกำหนดวิธีการ สถานที่ขายและห้ามขายกัญชาแก่บุคคลที่กฎหมายกำหนด
7.ห้ามใช้กัญชาโดยวิธีการสูบในสถานที่สาธารณะและผู้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.อาจกำหนดให้มีสถานที่สูบกัญชาได้
8.ให้มีมาตรการความคุ้มครองแก่เด็กและเยาวชนเป็นการเฉพาะ

สำหรับการดำเนินการขั้นต่อไปนั้น เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวว่า จะนำร่าง พ.ร.บ.รับฟังความเห็นกับประชาชนหลากหลายกลุ่มเพื่อความรอบคอบในกระบวนการกำหนดมาตรการในกฎหมาย โดยการจัดเวทีทั้งในระดับเล็ก กลางใหญ่ การประชุมออนไลน์ รวมทั้งการสร้างแบบสอบถามในประเด็นที่มีความสำคัญ โดยจะเริ่มดำเนินการครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่วันที่ 21 สิงหาคม 2566 ส่วนกระบวนการรับฟังความเห็นครั้งต่อไปจะแจ้งให้ทราบตามลำดับ

“จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมเขียน พ.ร.บ.กัญชา เพื่อสร้างเส้นทางกัญชาไทยให้เป็นประโยชน์ของประชาชนโดยเฉพาะความมั่นคงทางยา โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อประชาชนเพื่อประโยชน์ทางการเมืองทำให้กัญชาถูกเบี่ยงเบนจากข้อเท็จจริง” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

นายประสิทธิ์ชัย ยังได้กล่าวถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษย์ อดีตนักการเมืองและอดีตนักธุรกิจกลางคืน ออกมาระบุว่า สงครามกัญชาจบแล้ว ส่วนการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ก็เพื่อรณรงค์สื่อสารการเลือกตั้งเท่านั้น ว่า ก่อนการเลือกตั้งนายชูวิทย์ ได้ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและมุ่งมั่นชัดเจนว่าต้องเอากัญชากลับสู่ยาเสพติด พอมาวันนี้กลับมาบอกว่าไม่มีปัญหา คำถามที่สำคัญคือกัญชาก่อนและหลังเลือกตั้งมันแตกต่างกันตรงไหน จึงสามารถกลับลำจุดยืนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตกลงว่าสิ่งที่นายชูวิทย์ทำกับกัญชาเพียงแค่หาที่ยืนใช่หรือไม่ ส่วนจุดยืนนั้นไม่มีมาตั้งแต่ต้น การเกิดขึ้นของปรากฎการณ์นายชูวิทย์ทำให้สังคมรับรู้ข้อเท็จจริงที่ผิดเพี้ยนและนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่ไม่ถูกต้องซึ่งจะก่อผลกระทบตามมา 

นอกจากนี้ นายประสิทธิ์ชัย ยังได้ระบุถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมัยที่อยู่พรรคอนาคตใหม่ ก็บอกวาต้องเอากัญชาออกห่างจากความเป็นยาเสพติด แต่พออยู่พรรคก้าวไกล กลับบอกว่า ต้องเอากัญชากลับเป็นยาเสพติด

“กัญชาของสองคนนี้ไม่พูดความจริง พวกคุณบิดเบือนกัญชากันมาตลอดเพื่ออะไร ผมคิดว่าน่าจะต้องถอดรหัสแห่งปฏิบัติการของสองคนนี้ออกมาผมยังย้ำคำเดิมว่า หากเราไม่ใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดนโยบาย ทุกอย่างจะผิดเพี้ยนและไม่อาจเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ดังนั้น ประชาชนจึงต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องให้สังคมนำข้อเท็จจริงมาพิจารณาในการกำหนดอนาคตกัญชาไทยที่เป็นธรรมต่อประชาชน” เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าว





คำที่เกี่ยวข้อง : #กัญชาเสรี  









©2018 CK News. All rights reserved.